เอเอฟพี - ชาวเมืองนางาซากิ เรียกร้องให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนแทนพลังงานนิวเคลียร์ เนื่องในโอกาสรำลึกครบ 66 ปี ที่เมืองแห่งนี้ถูกระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ โจมตีในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
นายกเทศมนตรี โทมิฮิสะ ทาอูเอะ ของนางาซากิ กล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องพัฒนาพลังงานทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และเชื้อเพลิงชีวภาพ หลังเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดของโลก นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลเมื่อ 25 ปีก่อน ที่โรงไฟฟ้าปรมาณูฟูกูชิมะ ไดอิจิ
“เดือนมีนาคมนี้ พวกเราต้องตื่นตระหนกจากความรุนแรงของอุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ” ทาอูเอะกล่าวในพิธี ที่จัดขึ้นใกล้กับจุดที่กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งระเบิดพลูโตเนียมลงมาถล่มญี่ปุ่น
เขาระบุในคำประกาศสันติภาพ ว่า ในฐานะประชาชนของชาติ ซึ่งประสบหายนภัยทางนิวเคลียร์ ชาวเมืองนางาซากิ วอนขออย่าให้มีเหยื่อกัมมมันตภาพรังสีเช่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีก
ก่อนที่จะเกิดมหาภัยพิบัติทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ถึง 30% ของความต้องการใช้พลังงานทั้งหมด และวางแผนที่ส่งเสริมไปถึง 50% ภายในปี 2030 แต่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมออกมาเรียกร้องให้ทบทวนแผนดังกล่าวนับตั้งแต่เกิดเหตุ
ทาอูเอะ เสริมว่า ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ก็ยังจำเป็นที่ต้องส่งเสริมการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมาแทนที่พลังงานนิวเคลียร์ เพื่อเปลี่ยนโฉมญี่ปุ่นให้เป็นสังคมที่ใช้พลังงานปลอดภัย
ข้อความของนายกเทศมนตรีนางาซากิ เป็นเสียงตอกย้ำคำกล่าวของนายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมา และคำสัญญาของนายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง ซึ่งผลักดันให้มีการลดใช้พลังงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น
ทั้งนี้ มี 44 ประเทศที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมพิธีรำลึกในวันนี้ (9) และเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมงานที่เมืองนางาซากิ หลังจากส่งทูตประจำกรุงโตเกียวไปเยือนเมืองฮิโรชิมา ในปีที่ผ่านมา
นางาซากิ ถูกถล่มจนพินาศด้วยระเบิดปรมาณูที่ชื่อ “แฟตแมน” ในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1945 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 70,000 รายในทันที หรือหลังจากนั้นไม่กี่วัน โดยมีเหยื่อที่ถูกเพลิงไหม้ ไปจนถึงล้มป่วยจากการรับกัมมันตภาพรังสี
นอกจากนี้ 3 วันก่อนหน้านั้น “ลิตเติลบอย” ระเบิดยูเรเนียมหนัก 4 ตัน ก็ถูกเครื่องบินของสหรัฐฯ ทิ้งลงไปถล่มเมืองฮิโรชิมา สังหารชาวบ้านไปเกือบ 140,000 คน