เอเอฟพี/บีบีซี - ตำรวจอังกฤษแถลงวันนี้ (8) ว่า สามารถจับกุมผู้ก่อความวุ่นวายกลางกรุงลอนดอนกว่า 100 คน ระหว่างเหตุจลาจลคืนที่ 2 พร้อมทั้งประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็น “อาชญากรรมลอกเลียนแบบ” ทั้งนี้ ความไม่สงบที่เกิดขึ้นมีชนวนมาจากเหตุตำรวจยิงชายคนหนึ่งเสียชีวิต
เมื่อวันเสาร์ (6) เหตุจลาจลปะทุขึ้นในย่านท็อตแนม ตอนเหนือของกรุงลอนดอนซึ่งมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ก่อนแพร่กระจายไปยังย่านอื่นๆ ของกรุงลอนดอนช่วงเย็นวานนี้ (7) ขณะเดียวกัน เกิดความสงสัยถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจลั่นไกสังหาร มาร์ก ดัคแกน ระหว่างที่พยายามจับกุมตัวผู้เสียชีวิต ด้วยความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน
สถานการณ์ในย่านท็อตแนม ช่วงคืนวันเสาร์ อาคารที่อยู่อาศัยหลายหลัง, รถยนต์ตำรวจ 2 คัน และรถเมล์สองชั้นอีก 1 คันถูกวางเพลิง ร้านค้าถูกปล้นสะดม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 26 นาย นับเป็นความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีของอังกฤษ ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 12 เดือน โอลิมปิกเกมส์ฉบับกรุงลอนดอนจะเปิดฉากขึ้น
ต่อมาในคืนวันอาทิตย์ (7) มีตำรวจได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 9 นาย ระหว่างกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทำลายร้านค้า รถยนต์ และขว้างปาขวดใส่ตำรวจในย่านบริกซ์ตัน, เอ็นฟิลด์, วอลแธมสโตว์, อิสลิงตัน ทางเหนือของกรุงลอนดอน และบริเวณถนนอ๊อกซ์ฟอร์ด ใจกลางกรุงลอนดอน
วันนี้ ตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดแถลงว่า “เจ้าหน้าที่รับมือกับเหตุความไม่สงบที่กระจายตัวไปทั่วย่านต่างๆ ด้วยการจับตัวผู้ก่อความไม่สงบมากกว่า 100 คนตลอดคืนวันอาทิตย์ และช่วงเช้าวันจันทร์” โดยช่วงคืนวันเสาร์ มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 61 คน
คืนที่ผ่านมา ตำรวจสั่งเพิ่มกำลังประจำการในพื้นที่เสี่ยง แต่ยังคงมีการปล้นสะดมกระจายตัวไปทั่วกรุงลอนดอน กลุ่มวัยรุ่นเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้าออกมาจากร้านค้าตามอำเภอใจ
ทั้งนี้ มาร์ก ดัคแกน ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี (4) ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามเข้าจับกุมตัว ขณะเขากำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ มีรายงานว่า ดัคแกนยิงปะทะกับตำรวจ ส่งผลให้ตำรวจต้องยิงตอบโต้จนเขาเสียชีวิต วิทยุสื่อสารของตำรวจมีกระสุนปืนฝังอยู่ซึ่งสันนิษฐานในขั้นแรกว่าเป็นกระสุนของผู้ตาย อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์หลายฉบับรายงาน วันนี้ (8) ว่า ผลการตรวจสอบกระสุนที่ฝังในวิทยุสื่อสารของตำรวจชี้ว่าเป็นกระสุนที่มาจากปืนของตำรวจด้วยกันเอง
ขณะนี้ คณะกรรมการอิสระรับเรื่องราวร้องทุกข์จากการกระทำของตำรวจอังกฤษได้เข้าดำเนินการตรวจสอบหาความจริงต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว