เทเลกราฟ - ภารกิจตามล่าอุซามะห์ บิน ลาดิน ถึงรังกบดานในปากีสถาน เป็น “ปฏิบัติการล่าสังหาร” ตั้งแต่ต้น และไม่เคยมีซีลส์คนไหนถามถึงการ “จับเป็น” อดีตแกนนำกลุ่มอัลกออิดะห์รายนี้ หนึ่งในผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเปิดเผยกับนิตยสารนิวยอร์กเกอร์
รายงาน “ภารกิจลับในปากีสถานเพื่อสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน” ตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารนิวยอร์กเกอร์ โดยเสนอข้อมูลที่ขัดแย้งกับคำยืนกรานของรัฐบาลบารัค โอบามา ซึ่งระบุว่า อดีตแกนนำอัลกออิดะห์อาจถูกจับเป็นหากยอมแพ้แต่โดยดี
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ ผู้ขอสงวนนาม เปิดเผยกับนิวยอร์กเกอร์ว่า หน่วยซีลส์ทั้ง 23 นายเข้าใจชัดเจนว่าไม่มีการจับเป็น เขาสำทับว่า “ไม่มีคำถามแม้แต่ข้อเดียวถึงการควบคุมหรือจับกุมตัวบิน ลาดิน”
นิโคลัส ชมิเดิล (Nicholas Schmidle) ผู้เขียนบทความชิ้นนี้ อธิบายแผนการล่าสังหารนี้ไว้ว่า หน่วยซีลส์มีหน้าที่ “กำจัดคนคุ้มกันของบิน ลาดิน ยิงและสังหารเป้าหมายในระยะเผาขน และนำศพกลับมายังอัฟกานิสถาน”
บทความนี้ขัดแย้งกับสิ่งที่ จอห์น เบรนแนน หัวหน้าคณะที่ปรึกษาฝ่ายต่อต้านการก่อการร้ายของผู้นำสหรัฐฯ เคยอ้างว่า หน่วยคอมมานโดจะไม่ฆ่าอุซามะห์ บิน ลาดิน หากมั่นใจว่าบิน ลาดิน ไม่ได้ติดตั้ง “ระเบิดแสวงเครื่อง” หรือ “ซ่อนอาวุธใดๆ ไว้กับตัว”
ทั้งนี้ ซีลส์นายแรกที่เข้าถึงตัวบิน ลาดิน เชื่อว่าภรรยาของบิน ลาดิน สวมเสื้อติดตั้งระเบิดฆ่าตัวตาย เขาจึงยิงผู้หญิงคนหนึ่งเข้าที่น่อง ก่อนพบว่าทั้งภรรยาสองของเป้าหมายไม่ได้พกระเบิดติดตัวแต่อย่างใด นิโคลัส ชมิเดิล รายงาน
ต่อมา ซีลส์อีกนายยิงบิน ลาดิน เข้าที่หน้าอกและศีรษะ ด้วยปืนเอ็ม 4 คาร์ไบน์ ก่อนแจ้งรหัสลับทางวิทยุว่าได้สังหารบิน ลาดิน แล้ว
บทความชิ้นนี้ยังอธิบายถึงช่วงเวลาวางแผนนานหลายเดือน หลังมีคนพบ อาบู อาห์เหม็ด อัล คูเวตี คนส่งสารของบิน ลาดิน ในเมืองอับบอตตาบัด ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดประมาณ 64 กิโลเมตร เมื่อฤดูร้อนปี 2010
อัล คูเวตี ถูกเฝ้าจับตามองจนพบว่า เขาเดินเข้าไปยังอาคารหลังหนึ่งพร้อมกับชายอีกคนหนึ่ง ชายคนนี้ไม่เคยออกไปไหน นอกจากเดินเล่นรอบๆ อาคารต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ตรวจพบว่า ไม่มีการใช้อินเตอร์เน็ต หรือโทรศัพท์ ภายในอาคารหลังนี้ และขยะทั้งหมดถูกเผา แทนที่จะนำออกมาทิ้งข้างนอก
ประธานาธิบดีโอบามา และคณะที่ปรึกษามั่นใจว่า ชายต้องสงสัยคนนั้น คือ บิน ลาดิน จึงมีการวางแผนบุกเมืองอับบอตตาบัด โดยมีรายงานว่า มีการพิจารณาถึงการขุดอุโมงค์เข้าไปยังรังกบดานของบิน ลาดิน แต่แผนดังกล่าวก็ล้มไป เพราะตรวจพบว่า ระดับน้ำใต้ดินในพื้นที่เป้าหมายอยู่ใกล้ผิวดินมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในที่สุดคณะเจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้แผนเฮลิคอปเตอร์บุกโจมตียามวิกาล
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน เจ้าหน้าที่แพทย์รายหนึ่งได้เก็บตัวอย่างไขกระดูกจากศพเป้าหมาย เพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ ก่อนทิ้งร่างไร้วิญญาณของบิน ลาดิน ลงในทะเลอาหรับ