เอเอฟพี - เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงบนเกาะอูเทอยา ได้ฝากข้อความถึง แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก ฆาตกรชาวนอร์เวย์ ในจดหมายเปิดผนึกที่ได้รับการตีพิมพ์ วันนี้ (1 ส.ค.) ว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม
“เราจะไม่ตอบโต้ความชั่วด้วยความชั่วอย่างที่คุณต้องการ เราจะต่อสู้กับความชั่วด้วยความดี และเรากำลังชนะ” อีวาร์ เบนจามิน โอเอสเตโบ เขียนไว้ในจดหมายเปิดผนึกที่เผยแพร่บนเฟซบุ๊ก และได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ดักบลาเดต (Dagbladet) โดยระบุถึงตัวผู้รับสารว่า “แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก ที่รัก”
“บางที คุณอาจคิดว่าเป็นฝ่ายชนะ บางที คุณอาจคิดว่าได้ทำลายพรรคเลเบอร์ ปาร์ตี ได้ทำลายคนทั่วโลกที่ยึดมั่นในสังคมพหุวัฒนธรรม ด้วยการฆ่าเพื่อนและสมาชิกพรรคของผม”
“รู้ไว้ซะว่าคุณล้มเหลว” โอเอสเตโบ ผู้รอดชีวิตที่เสียเพื่อนในเหตุกราดยิงไป 5 คน เขียนไว้ในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้
“คุณวาดภาพให้ตัวเองเป็นวีรบุรุษ เป็นอัศวิน คุณไม่ใช่วีรบุรุษเลย แต่แน่นอน คุณได้สร้างวีรบุรุษขึ้นมามากมาย บนเกาะอูเทอยา วันที่อากาศอบอุ่นในเดือนกรกฏาคม คุณได้สร้างวีรบุรุษสุดยิ่งใหญ่เท่าที่โลกเคยมี คุณทำให้คนทั้งโลกรวมกันหนึ่ง”
ณ วันที่เกิดเหตุกราดยิง หลังจากได้ยินเสียงปืนชุดแรกดังขึ้น โอเอสเตโบพร้อมกับเยาวชนคนอื่นๆ ซ่อนตัวอยู่บริเวณแนวชายฝั่งของเกาะ พวกเขาคิดว่า แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก คนร้ายที่สวมเครื่องแบบตำรวจ เดินทางมาเพื่อช่วยเหลือชีวิตพวกเขา
“เราโบกมือและตะโกนขอความช่วยเหลือจากเขา เขาพยายามปลอบคนรอบๆ ตัวให้เย็นลง ทันใดนั้น เพียงชั่วพริบตา เขาหันกลับมาเปิดฉากยิงใส่คนที่อยู่ในน้ำ” อีวาร์ เบนจามิน โอเอสเตโบ เล่าถึงนาทีชีวิต
เขารอดชีวิตมาได้ด้วยการวิ่งตรงไปหาตำรวจตัวจริง ซึ่งเข้าไปถึงเกาะอูเทอยา เวลา 18.25 น. (23.25 น. ตามเวลาประเทศไทย) ประมาณ 80 นาทีหลังจากการสังหารหมู่เริ่มขึ้น
“คุณทำให้เรารวมกันเป็นหนึ่ง ... คุณฆ่าเพื่อนผม แต่คุณไมอาจฆ่าความตั้งใจของเรา ทัศนคติของเรา สิทธิของเราที่จะแสดงตัวตน ผู้หญิงมุสลิมได้รับอ้อมกอดจากผู้หญิงนอร์เวย์ด้วยความเห็นอกเห็นใจ ... พฤติกรรมของคุณได้ผลตรงข้ามกับความตั้งใจ เราได้สร้างสังคมขึ้นมาแล้ว”
“คุณควรได้รู้ว่าแผนการได้ผลดีแค่ไหน มีคนมากมายโกรธเกลียดคุณ คุณเป็นคนที่ชาวนอร์เวย์เกลียดที่สุด ผมไม่ได้เสียสติ แต่ผมไม่กลัวคุณ คุณไม่สามารถเข้าถึงตัวเราอีกต่อไป เรายิ่งใหญ่กว่าคุณ”
ทั้งนี้ แอนเดอร์ส เบห์ริง เบรวิก ให้การสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุวินาศกรรมกรุงออสโล และกราดยิงเยาวชนบนเกาะอูเทอยา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม เขาลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์หน้าอาคารรัฐบาล ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 8 ราย ก่อนก่อเหตุสังหารหมู่ค่ายเยาวชนพรรคเลเบอร์ ปาร์ตี จนมีผู้เสียชีวิตอีก 69 ราย
นอกจากนี้ เขาเคยประกาศไว้บนเอกสารออนไลน์ 1,500 หน้าว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงนโยบายพหุวัฒนธรรมของเหล่ารัฐบาลยุโรป ซึ่งส่งเสริมการอพยพเข้าประเทศของชาวมุสลิม