นสพ.ชั้นนำชี้ข้อตกลง “เพิ่มเพดานหนี้” ไม่แก้ปัญหา-จวกรัฐบาลอ่อนข้อให้รีพับลิกัน

เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์ชั้นนำหลายฉบับในสหรัฐฯต่างออกมาวิจารณ์ข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้สิน ซึ่งประธานาธิบดี บารัค โอบามา และผู้นำสภาคองเกรสผลักดันจนสำเร็จวานนี้(31) โดยระบุว่าเป็นการยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องที่เกินเหตุของฝ่ายรีพับลิกันหัวอนุรักษ์

บทบรรณาธิการของนิวยอร์ก ไทม์ส ซึ่งพาดหัวว่า “ข้อตกลงแย่ๆ เพื่อหลีกหนีความปั่นป่วน” (To Escape Chaos, a terrible Deal) ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้ในวันพรุ่งนี้ (2) และอาจอยู่รอดได้จนถึงสิ้นปี 2012 “แต่รายละเอียดที่เหลือคือการยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องเชิงข่มขู่ของฝ่ายรีพับลิกันสุดโต่ง ซึ่งจะกระทบต่อโครงการช่วยเหลือชนชั้นกลางและคนยากจน และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลงไปอีก”

ร่างข้อตกลงดังกล่าวจะปรับเพดานหนี้สินของสหรัฐฯ ขึ้นอีกอย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากพอที่จะยืดเวลาไปจนถึงปี 2013 แต่ก็กำหนดให้มีการตัดงบประมาณ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์แยกเป็น 2 รอบด้วย

เจ้าหน้าที่อาวุโสซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่า การตัดงบประมาณจะแบ่งเป็นด้านการทหารและโครงการอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการลดงบประมาณของกองทัพลงอย่างน้อย 350,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้าด้วย

ในการเปิดเผยร่างข้อตกลงนี้ เจ้าหน้าที่ชี้ว่า โอบามา และผู้นำในสภาคองเกรสเห็นพ้องกันที่จะลดงบประมาณลงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยจะออกเป็นกฎหมายสำหรับอีก 10 ปีข้างหน้าในทันที

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการคองเกรสซึ่งประกอบด้วยสมาชิกพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันจำนวนเท่าๆ กัน จะต้องเสนอแผนตัดงบประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งสภาคองเกรสก็จะต้องอนุมัติแผนดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 23 ธันวาคม

ในกรณีที่สภาคองเกรสไม่อนุมัติแผนตัดงบประมาณภายในเวลาที่กำหนด แผนดังกล่าวก็จะมีผลบังคับใช้โดยอัตโนมัติในปี 2013 โดยจะตัดงบประมาณด้านกลาโหมและพลเรือนเป็นจำนวนเท่าๆกัน ทว่างบประมาณในส่วนประกันสังคมและการรักษาพยาบาล ตลอดจนโครงการสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุ จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

หนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ ตั้งคำถามว่า “สหรัฐฯ มีระบบการเมืองที่ดีเลิศถึงขั้น AAA เหมือนระดับความน่าเชื่อถือด้วยหรือไม่”

“การตัดงบประมาณทางทหารลงอย่างฮวบฮาบและคลุมเครือมีความเหมาะสมจริงหรือไม่ ในขณะที่เรายังติดภารกิจในอัฟกานิสถาน และการตัดงบประมาณเช่นนี้มีเหตุอันควรหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจยังไม่แน่นอน”

วอชิงตันโพสต์ชี้ว่า ข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้อาจเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น “ไม่ใช่ทางออกซึ่งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสมควรจะภูมิใจ”

ด้านหนังสือพิมพ์ยูเอสเอ ทูเดย์ ก็ระบุว่า ร่างข้อตกลงซึ่งใช้เวลาถกเถียงกันนานถึง 11 ชั่วโมง “ไม่ใช่สิ่งสวยหรู”

“รายละเอียดส่วนใหญ่เป็นเพียงการชะลอวิกฤตหนี้สินและการขาดดุลงบประมาณออกไปก่อน เพื่อให้คณะกรรมการชุดต่อไปหยิบยกขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้แก้ปัญหาอย่างแท้จริง”

อย่างไรก็ดี ยูเอสเอ ทูเดย์ ก็ระบุว่า “เลี่ยงวิกฤตไปได้ ก็ดีว่าเกิดวิกฤตขึ้นจริงๆ”