เอเอฟพี - ราคาน้ำมันและตลาดหุ้นสหรัฐฯขยับลงแรงวานนี้(29) หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจอันย่ำแย่ของอเมริกาซ้ำเติมความกังวลต่อข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะของวอชิงตัน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่องมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 62 เซนต์ ปิดที่ 116.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์ก มีขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐฯเผยตัวเลขผลิตภันฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ในไตรมาส 2 เติมโตเพียงร้อยละ 1.3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมาย
นอกจากนี้แล้วทางรัฐบาลยังปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสแรกลงจากเดิมร้อยละ 1.9 เหลือ 0.4 บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแทบอยู่ในภาวะชะงักงันนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันนักการเมืองในวอชิงตันยังไม่บรรลุข้อตกลงประนีประนอมขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะเหนือ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ที่มีเส้นตายอยู่ที่วันอังคาร(2) ซึ่งทางกระทรวงการคลังจะหมดความสามารถหาเงินจากช่องทางอื่นใดมาพอถูไถได้อีก ดังนั้นหากไม่อาจกู้เพิ่มเติมเพราะติดเพดาน ก็คงจำเป็นต้องหยุดพักการชำระหนี้ที่ครบกำหนดบางจำนวน
ทั้งนี้แม้ว่าพรรคเดโมแครตกับรีพับลิกันอาจจะบรรลุข้อตกลงกันได้ในนาทีสุดท้าย แต่นักสังเกตการณ์กังวลว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือยังจะลดอันดับความน่าเชื่อถือในตัวหนี้ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดเงินทั่วโลกและทำเศรษฐกิจเมืองลุงแซมยิ่งเติบโตช้าลงไปอีก
ปัจจัยแห่งความกังวลเกี่ยวกับภาวะอับจนของการเจรจาขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะนี้สหรัฐฯ ประกอบกับตัวเลขจีดีพีของประเทศ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างหนักเช่นกัน โดยวานนี้(29) วอลล์สตรีทปิดลบติดต่อกันหลายวันแล้ว
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 98.61 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,141.50 จุด แนสแดค ลดลง 9.76 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,756.49 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 8.44 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,292.23 จุด