ASTVผู้จัดการ/เอเอฟพี - สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) บริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ ออกคำแถลงวันอังคาร (5) เตือนฐานะทางการคลังของประเทศไทยจะอยู่ในความเสี่ยง ถ้าหากพรรคเพื่อไทยที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งหมาดๆ ดำเนินการตามนโยบายทุกอย่างที่ประกาศเอาไว้ในตอนรณรงค์หาเสียง พร้อมกันนั้นก็แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองของไทยด้วย
คำแถลงของเอสแอนด์พีบอกว่า ฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตนจะมุ่งเน้นไปที่นโยบายทางเศรษฐกิจและนโยบายทางการคลังของรัฐบาลไทยชุดใหม่ ตลอดจนพัฒนาการทางการเมืองต่อจากนี้
“ฝีก้าวและขนาดขอบเขตของการฟื้นเสถียรภาพทางการเมือง จะมีนัยสำคัญมากต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับประเทศไทยของเรา” คำแถลงอ้างคำพูดของทากาฮิระ โองาวะ นักวิเคราะห์เครดิตของเอสแอนด์พีเอง โดยที่นักวิเคราะห์ผู้นี้บอกด้วยว่า “พิจารณาจากความล้ำลึกของการแตกแยกทางการเมืองที่บังเกิดขึ้น อาจเป็นเรื่องยากลำบากที่จะมีการปรองดองกันอย่างสมบูรณ์ขึ้นในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้”
คำแถลงของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่ระดับโลกรายนี้กล่าวว่า ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ของไทยยังคงแข็งแกร่ง แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองน่าจะส่งผลกระทบต่อความคาดหวังทางด้านการเจริญเติบโต, เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และฐานะทางการคลังในระยะกลางจนถึงระยะยาวของรัฐบาล พร้อมกันนี้ก็ยกคำพูดของ โองาวะ มาประกอบ โดยนักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าวว่า “ในทัศนะของเราแล้ว ยังคงมีความเสี่ยงทางการเมืองอยู่ในบางระดับ เพราะเราไม่แน่ใจเกี่ยวกับปฏิกิริยาของกลุ่มต่อต้านทักษิณต่อผลการเลือกตั้งคราวนี้, นโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย และการตัดสินคดีของฝ่ายยุติธรรม”
เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย คำแถลงของเอสแอนด์พีระบุว่า โครงการขยายโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก และเครือข่ายทางรถไฟในประเทศ จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย แต่ในความเห็นของเอสแอนด์พีแล้ว ฐานะทางการคลังของรัฐบาลใหม่จะตกอยู่ในความเสี่ยง ถ้าหากมีการทำตามนโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงเอาไว้ เป็นต้นว่า การรับจำนำข้าวโดยค้ำประกันในราคาสูง, การแจกคอมพิวเตอร์แท็บเลตแก่นักเรียนประถมทุกคน
“การดำเนินนโยบายมากมายเหล่านี้โดยไม่ได้มีวิธีการจัดหารายได้อันสอดคล้องเหมาะสม จะส่งผลด้านลบต่อฐานะการเคลังของประเทศ” คำแถลงอ้างคำพูดของโองาวะ โดยที่เขาเตือนด้วยว่า การที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมาไทยได้ดำเนินมาตรการต่อสู้ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ตลอดจนใช้นโยบายแบบประชานิยม ก็ได้ลดทอนความเข้มแข็งทางการคลังของไทยไประดับหนึ่งแล้ว หากยังมีการสึกกร่อนอย่างสำคัญต่อไปอีกก็อาจกระทบถึงเรตติ้งที่ไทยได้รับอยู่ในปัจจุบันได้