เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากแบคทีเรียมรณะ “อี.โคไล (EHEC)” ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในเยอรมนีโดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือของประเทศนั้น เพิ่มขึ้นเป็น 30 คนเมื่อวันพฤหัสบดี(9) หลังพบเหยื่ออีก 3 รายในรัฐโลวเวอร์ แซกโซนีและเมืองแฟรงค์เฟิร์ต
ถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขแห่งรัฐแซกโซนี ระบุว่า เหยื่อสองรายเป็นชายชราวัย 68 ปีและสตรีวัยรุ่นอายุ 20 ปี ซึ่งเสียชีวิตที่เมืองฮาร์เบิร์กเมื่อวันพุธ (8) ส่วนอีกคนเป็นชายวัย 57 ปีที่เสียชีวิตในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ทางตะวันตกของประเทศ ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตของการแพร่ระบาดของแบคทีเรีย เพิ่มเป็น 30 คน ในจำนวนนั้นเป็นหญิงชาวเยอรมนี ที่เสียชีวิตหลังกลับจากเยือนเยอรมนี
เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุต้นตอที่ทำให้เชื้อแบคทีเรีย อี.โคไล เกิดการระบาดใหญ่ในยุโรป โดยมีประชาชนกว่า 2,800 คนใน 14 ประเทศล้มป่วยด้วยเชื้อแบคทีเรียนี้ ขณะที่ผู้บริโภคเยอรมนีได้รับคำแนะนำให้งดรับประทานถั่วงอก แตงกวา มะเขือเทศและผักกาดหอม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันพุธ(8) รัฐมนตรีสาธารณสุข แดเนียล บาห์ร ของเยอรมนี หวังว่าวิกฤตการแพร่ระบาดของแบคทีเรียมรณะ อาจผ่านพ้นจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าอัตราการติดเชื้อเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
พวกเจ้าหน้าที่ในรัฐซัคเซิน-อันฮัลท์ (แซกโซนี-อันฮัลต์ ในภาษาอังกฤษ) ที่อยู่ทางภาคตะวันออกของเยอรมนี ระบุว่าไม่ควรให้น้ำหนักมากเกินไปกับชิ้นส่วนแตงกวาที่ตรวจพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียมรณะ โดยเศษแตงกวาดังกล่าวพบอยู่ในขยะเก่า 2 สัปดาห์ของครอบครัวหนึ่งในเมืองมักเดบูร์ก ที่ล้มป่วยด้วยโรคระบาดนี้ เหตุผลที่สำคัญก็คือเวลาที่ทิ้งช่วงนานขนาดนี้ ทำให้ยากที่จะพิสูจน์ยืนยันอะไรได้
ขณะเดียวกัน การทดสอบถั่วงอกและผักงอกที่มาจากสวนผักออร์แกนิกแห่งหนึ่งยังคงดำเนินต่อไป แม้ยังไม่พบว่าพบตัวอย่างที่ติดเชื้ออี.โคไลสายพันธุ์มรณะเลยก็ตาม
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสาธารณสุขของเยอรมนีกล่าวตั้งแต่วันพุธ (8) แล้วว่า ช่วงเลวร้ายที่สุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ๆ กำลังลดลง
พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในนครฮัมบูร์กก็พูดอีกเมื่อวานนี้ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ยืนยันชัดเจนแล้ว ได้ “ลดต่ำลงมาพอประมาณ”
