เอเจนซี/เอเอฟพี - กองกำลังความมั่นคงซีเรียปะทะกับกลุ่มชายติดอาวุธในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ทำตำรวจเสียชีวิตไปกว่า 120 นาย ในเหตุสู้รบขนานใหญ่ครั้งแรกภายในประเทศแห่งนี้ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดี
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรายงานเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า กลุ่มติดอาวุธจุดไฟเผาอาคารราชการหลายแห่งในเมือง Jisr al-Shughour ทางเหนือของประเทศ นอกจากนี้ยังก่อเหตุขโมยดินระเบิดกว่า 5 ตัน พร้อมโจมตีพลเมืองและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงด้วยปืนกลและเครื่องยิงจรวด
รายงานข่าวระบุว่า เหตุปะทะมีขึ้นระหว่างที่ตำรวจพยายามลุยเข้าไปขับไล่กลุ่มมือปืนที่ปิดกั้นพื้นที่หนึ่งของเมืองมาเป็นเวลาหลายวัน และเวลานี้เจ้าหน้าที่ก็ยังสู้รบกับกองกำลังติดอาวุธเหล่านั้นโดยหมายยืดพื้นที่อื่นๆ คืนมา
“มือปืนทำลายศพบางส่วน และบางส่วนก็ถูกโยนลงแม่น้ำ ประชาชนในเมือง Jisr al-Shughour เร่งเร้าให้กองทัพเข้าแทรกแซงอย่างเร่งด่วน” รายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐระบุ
ด้าน โมฮัมหมัด อิบราฮิม อัล-ชาร์ รัฐมนตรีมหาดไทยบอกว่า ทางการจะตอบโต้อย่างสาสมต่อกลุ่มโจมตีด้วยอาวุธนี้ สอดคล้องกับคำพูดของอัดนาน มาห์มูด รัฐมนตรีข้อมูลข่าวสารที่ระบุว่าทางกองทัพจะทำหน้าที่ด้วยการคืนความมั่นคงแก่ประเทศชาติ
ชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่าเหตุปะทะนองเลือดครั้งนี้ปะทุขึ้นในวันเสาร์ (4) เมื่อมีกลุ่มพลซุ่มยิงเปิดฉากยิงเข้าใส่ประชาชนที่มาร่วมพิธีศพของผู้ประท้วง 6 คนที่ถูกสังหารระหว่างการเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลหนึ่งวันก่อนหน้านี้ สร้างความเดือดดาลแก่ผู้ชุมนุม จากนั้นผู้ประท้วงในอารมณ์โกรธกริ้วก็จุดไฟเผาสำนักงานไปรษณีย์ของเมืองและมีกลุ่มชายติดอาวุธลงมือสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงที่ดูแลอาคารดังกล่าวไป 8 ราย
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรายงานต่อว่า ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอย่างน้อย 20 รายถูกแก๊งติดอาวุธซุ่มฆ่าและอีก 82 คนเสียชีวิตจากเหตุโจมตีสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ส่งผลให้รวมแล้วมีกองกำลังความมั่นคงเสียชีวิตมากกว่า 120 นายเลยทีเดียว
ด้วยทางการสั่งห้ามสื่อมวลชนต่างชาติเข้าทำข่าวในซีเรีย ดังนั้นจึงยากที่จะพิสูจน์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศแห่งนี้ และแม้มีการปราบปรามอย่างอย่างหนักหน่วงจนคร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 1,100 รายนับตั้งแต่เหตุจลาจลปะทุขึ้นช่วงกลางเดือนมีนาคม แต่การชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นก็ตามทางรัฐบาลซีเรีย ยืนยันว่าปัญหาความไม่สงบภายในประเทศเป็นฝีมือของแก๊งก่อการร้ายติดอาวุธที่ได้รับการหนุนหลังจากอิสลามิสต์และต่างชาติที่ยุยงปลุกปั่น
องค์กรสิทธิมนุษยชนบอกว่า ทหารและตำรวจบางนายที่ตายระหว่างเหตุจลาจลอาจมาจากฝีมือของกองกำลังด้านความมั่นคงด้วยกันเองที่พยายามกำจัดพวกแปรพักตร์ หรือขัดขืนคำสั่ง อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวรายหนึ่งที่ไม่ประสงค์เอ่ยชื่อมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง พร้อมระบุว่ามีประชาชนบางส่วนในบางพื้นที่ได้หยิบอาวุธขึ้นสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว