เดอะซันเดย์ไทมส์ - แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงเผย นายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียตัดสินใจจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปีหน้า เพิ่มความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟต้องใช้ความพยายามดิ้นรนเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองในรัฐบาลเกรมลินต่อไป
แหล่งข่าววงใน ซึ่งใกล้ชิดกับผู้นำรัสเซียทั้ง 2 คนเผยว่า ปูติน ผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วถึง 8 ปีก่อนที่มารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ 3 ปีก่อน เริ่มไม่มั่นใจในความจงรักภักดีของเมดเวเดฟ
แหล่งข่าวระบุว่า คำวิจารณ์ของเมดเวเดฟเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ปูตินเกิดความหวาดระแวง โดยว่า "ปูตินจะลงสมัครประธานาธิบดี เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ข่าวลือที่ว่าเขายังชั่งน้ำหนักทางเลือกอยู่นั้น ไม่เป็นความจริง"
"มีความตึงเครียดระหว่างเมดเวเดฟ และปูตินมากขึ้น โดยฝ่ายปูตินนั้นมองว่าเมดเวเดฟเริ่มทำตัวจองหอง และต้องการอวดดีกับเขา ส่วนปูตินก็เริ่มระแวงในความจงรักภักดีของเมดเวเดฟ" แหล่งข่าวเสริม
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของรัสเซียกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัยติดต่อกัน โดยปูตินได้ลงจากเก้าอี้ผู้นำในปี 2008 และส่งมอบอำนาจต่อให้เมดเวเดฟ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่าเขาสามารถกลับขึ้นสู่อำนาจได้อีกในปีหน้า หากเขาต้องการ
ภายใต้รัฐธรรมนูญดังกล่าว หากปูตินได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในปีหน้า เขาจะสามารถปกครองประเทศวาระละ 6 ปี ต่อไปได้อีก 2 สมัย จนถึงปี 2024 หรือเมื่อเขาอายุ 72 ปี ซึ่งนับวาระการดำรงตำแหน่งทั้งนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีของเขารวมได้ถึง 24 ปีทีเดียว
ขณะที่ เมดเวเดฟ วัย 45 ปี ผู้นำรัสเซียที่มีอายุน้อยที่สุดในรอบกว่า 70 ปี ซึ่งแรกเริ่มถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิด กลับมีท่าทีลังเลไม่ยอมหลีกทางให้แก่ปูตินก้าวขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
สำหรับเมดเวเดฟ เขาต้องรู้สึกท้อแท้ที่ทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศมองเขาว่าเป็นเพียงเป็ดง่อย และการได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 นั้นจะทำให้เขามีอำนาจในการดำเนินการเกี่ยวกับความเป็นอิสระทางการเมือง และปฏิรูประบบศาลยุติธรรมได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับปูติน ที่ถูกมองว่าเป็นเผด็จการ
ส่วนการแสดงความเห็นของเมดเวเดฟ ที่ถูกมองว่าเป็นการเปิดประเด็นโจมตีปูตินในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นระบุว่า "ผู้ใดที่คิดว่าเขาสามารถจะอยู่ในอำนาจได้อย่างไม่มีขีดจำกีดนั้นเป็นตัวอันตรายต่อสังคม"
