เอเอฟพี - เครือข่ายอัลกออิดะห์ระบุ กระแสการปฏิวัติที่เกิดขึ้นในโลกอาหรับขณะนี้ เป็นเครื่องยืนยันชัยชนะของกลุ่มตนซึ่งมี บิน ลาดิน เป็นผู้นำ ศูนย์จับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มก่อการร้าย เอสไอทีอี เผยวานนี้(8)
“ทุกคนยืนยันได้ว่า การประท้วงที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วโลกอาหรับ เป็นเพียงหนึ่งในผลสัมฤทธิ์ของการทำญิฮาด ซึ่ง ชีค บิน ลาดิน มีบทบาทสำคัญมาก” เอสไอทีอี เผยคำแปลแถลงการณ์ของกลุ่มอัลกออิดะห์ในรัฐอิสลามมัฆริบ (เอคิวไอเอ็ม)
แม้จะแสดงความโศกเศร้าที่ บิน ลาดิน ถูกหน่วยคอมมานโดสหรัฐฯบุกสังหารถึงที่พักในปากีสถาน “เยี่ยงคนแปลกหน้า ซึ่งต้องอยู่อย่างแร้นแค้น ห่างไกลครอบครัวและบ้านเกิดเมืองนอน” แต่ เอคิวไอเอ็ม ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ในแอฟริกาเหนือ ก็ยังยกความดีความชอบให้แก่ บิน ลาดิน ในฐานะเป็นผู้โค่นล้มระบอบการปกครองในโลกอาหรับ ตั้งแต่อียิปต์มาจนถึงซีเรีย ซึ่งพวกเขาประณามว่า “จมอยู่กับความไม่รู้ และการทุจริต”
“ก่อนจะตาย ท่านได้เห็นประธานาธิบดีตูนิเซียหลบหนีออกจากประเทศด้วยความกลัว ท่านเห็นประธานาธิบดีอียิปต์ถูกจำคุกอย่างน่าอับอาย และท่านยังทำให้ฐานอำนาจของผู้นำจอมหลอกลวงของลิเบีย, ซีเรีย และเยเมน ต้องสั่นคลอนด้วยการปฏิวัติครั้งใหญ่”
เอคิวไอเอ็ม ยังกล่าวเป็นนัยถึง ซาอุดีอาระเบีย, จอร์แดน, บาห์เรน และราชอาณาจักรอื่นๆในตะวันออกกลาง โดยเตือนว่า “กษัตริย์และประธานาธิบดีต่างอยู่ในสภาพตกต่ำพอกัน รอเพียงว่าเมื่อใดที่โชควาสนาจะหมดไป และความยากลำบากจะมาเยือนเท่านั้น”
เอคิวไอเอ็ม ซึ่งเคยก่อเหตุลักพาตัวนักท่องเที่ยว และโจมตีสถานที่ต่างๆทั่วทะเลทรายซาฮารามาตั้งแต่ปี 2003 ยังเรียกร้องให้แนวร่วมของตนเปลี่ยนความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ บิน ลาดิน เป็นการแก้แค้นสหรัฐฯและโลกตะวันตก
“อย่ามัวแต่ร้องไห้ให้กับท่าน แต่จงลุกขึ้นสู้ในหนทางของท่าน จงลุกขึ้นต่อต้านไซออนิสต์อเมริกันและความรุนแรงอันไม่เป็นธรรมของพวกตะวันตก โดยสุดกำลังความสามารถ” เอคิวไอเอ็ม ประกาศ
รัฐบาลในตะวันออกกลางและส่วนอื่นๆของโลกต่างยกระดับการเฝ้าระวังกลุ่มก่อการร้าย หลังจากที่อัลกออิดะห์ปฏิญาณว่าจะแก้แค้นให้กับ อุซามะห์ บิน ลาดิน ซึ่งถูกหน่วยนาวิกโยธิน ซีลส์ ของสหรัฐฯบุกสังหารถึงบ้านพักในปากีสถาน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
แม้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะระบุว่า การสังหาร บิน ลาดิน ก็เหมือนตัด “ศีรษะ” ของอัลกออิดะห์ ทว่าทำเนียบขาวยังออกมาเตือนวานนี้(8)ว่า ยังไม่สามารถกล่าวได้ว่ากลุ่มหัวรุนแรง “พ่ายแพ้ในทางยุทธศาสตร์” และจำเป็นต้องเฝ้าระวังกันต่อไป