เอเอฟพี/เอเจนซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลง อุซามะห์ บิน ลาดิน แกนนำเครือข่ายอัลกออิดะห์ เสียชีวิตแล้วเมื่อวันอาทิตย์ (1) ที่ผ่านมา ในการต่อสู้กับกองกำลังของสหรัฐฯ ในปากีสถาน โดยพบศพของเขาแล้ว เป็นเวลาร่วม 10 ปีหลังการโจมตีวินาศกรรมเมื่อ 11 กันยายน ปี 2001
“คืนนี้ผมสามารถรายงานให้ประชาชนชาวอเมริกัน และชาวโลกฟังได้ว่า สหรัฐฯ ปฏิบัติการสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน แกนนำอัลกออิดะห์ และผู้ก่อการร้าย ซึ่งอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมชาย หญิง และเด็กผู้บริสุทธิ์หลายพันคนได้แล้ว” ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวด่วนทางโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
โอบามากล่าวว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันทีมเล็กๆ ทีมหนึ่งปฏิบัติการด้วยความกล้าหาญ และมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง โดยไม่มีชาวอเมริกันคนใดได้รับบาดเจ็บ และหลังการยิงต่อสู้ พวกเขาสามารถสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน และเก็บศพของเขาไว้ด้วย
“ความยุติธรรมเกิดขึ้นแล้ว” เขากล่าวในการแถลงข่าวครั้งประวัติศาสตร์จากทำเนียบขาว
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของปากีสถานก็ยืนยันด้วยว่า แกนนำอัลกออิดะห์เสียชีวิตในปฏิบัติการของหน่วยสืบราชการลับพิเศษ แต่ไม่สามารถยืนยันในขณะนั้นได้ทันทีว่า บิน ลาดินถูกสังหารที่ไหน อย่างไร และเมื่อไหร่
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่ง ซึ่งขอไม่เปิดเผยตัวตนกล่าวว่า ในปฏิบัติการดังกล่าวของสหรัฐฯ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที นอกจากจะคร่าชีวิตบินลาดินแล้ว ยังมีชาย 3 คน และหญิงอีก 1 คนเสียชีวิต ในจำนวนนั้นเป็นลูกชายของอัลกออิดะห์ด้วย
เขาเสริมว่า ชาย 2 คนทำงานเป็นผู้ส่งสารคนสนิทของบินลาดิน และอีกคนเชื่อว่าน่าจะเป็นลูกชายคนหนึ่งของเขา ส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิตนั้น เนื่องจากเธอถูกใช้เป็นโล่มนุษย์ของพลรบชายอีกคนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่าบิน ลาดินเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นๆ เช่นเขาเสียชีวิตได้อย่างไร
ส่วน จิล แจ็กสัน นักข่าวของซีบีเอสโพสต์ในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ โดยอ้างผู้ช่วยคณะกรรมการหน่วยข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งยืนยันว่าแกนนำกลุ่มอัลกออิดะห์ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมาตลอดเกือบ 10 ปี เสียชีวิตแล้วจริง โดยทางการสหรัฐฯ มีศพของเขาด้วย
ด้าน คีธ เออร์บาห์น เสนาธิการทหารของโดนัลด์ รัมสเฟลด์ ก็ทวีตว่า “ผมรู้มาจากผู้ที่น่าเชื่อถือคนหนึ่งว่าพวกเขาสังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน แล้วให้ตายเถอะ”
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวถึง 3 แหล่ง ซึ่งยืนยันว่าผู้อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 เสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีแมนชันแห่งหนึ่งนอกกรุงอิสลามบัด เมืองหลวงของปากีสถาน
ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐฯ ตามล่าตัวการใหญ่ขององค์กรก่อการร้ายสากลชาวซาอุดีฯ รายนี้มาเป็นเวลานานปี หลังจากตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในมหานครนิวยอร์ก และอาคารเพนตากอนถูกถล่ม คร่าชีวิตผู้คนไปร่วม 3,000 ราย
อย่างไรก็ตาม บิน ลาดินมักหลบเลี่ยงกองกำลังติดอาวุธของสหรัฐฯ และการตามล่าตัวครั้งใหญ่ไปได้ และส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ชนเผ่าบริเวณชายแดนปากีสถาน และอัฟกานิสถาน
การเสียชีวิตของบิน ลาดินจะยิ่งเพิ่มข้อสงสัยเกี่ยวกับทิศทางอนาคตของกลุ่มอัลกออิดะห์ รวมถึงนโยบายความมั่นคง และต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้ายทั่วโลกตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ยิ่งไปกว่านั้น สหรัฐฯ และพันธมิตรอาจต้องกังวลว่าจะถูกแก้แค้นจากผู้สนับสนุนบิน ลาดิน และกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย