อิเหนาเผยตัวการ “บึ้มบาหลี” ถูกจับแล้วในปากีสถาน

เอเอฟพี - ชายต้องสงสัยว่าเป็นผู้บงการเหตุระเบิดไนต์คลับบนเกาะบาหลีเมื่อปี 2002 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 ราย ถูกจับได้แล้วในปากีสถาน เจ้าหน้าที่ปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอินโดนีเซีย เผยวันนี้ (30)

“อุมาร์ ปาเต๊ะ ถูกจับได้แล้วในปากีสถาน” เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อระบุ โดยไม่ให้รายละเอียดว่าการจับกุมวานนี้ (29) เกิดขึ้นที่ไหนและอย่างไร

ด้านเจ้าหน้าที่ปากีสถานก็ยังไม่ยืนยันว่ามีการจับกุมเกิดขึ้น

หลายปีที่ผ่านมา ตำรวจปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายของอินโดนีเซียพยายามตามล่า ปาเต๊ะ ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด ด้านสหรัฐฯก็ตั้งค่าหัวของ ปาเต๊ะ ไว้สูงถึง 1 ล้านดอลลาร์ ในโครงการ “รางวัลเพื่อความยุติธรรม” (Rewards for Justice)

ปาเต๊ะ วัย 32 ปี ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ประสานงานเหตุระเบิดไนต์คลับบนเกาะบาหลี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 202 ราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 88 คน

ปาเต๊ะยังเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ญามาอะห์ อิสลามียะห์ (เจไอ) ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่โจมตีชุมชนชาวคริสต์และนักท่องเที่ยวตะวันตกในอินโดนีเซียมาตั้งแต่ปี 1999

ทางการอินโดนีเซียเชื่อว่า ปาเต๊ะน่าจะหลบซ่อนอยู่กับกลุ่มกบฏมุสลิมในฟิลิปปินส์ โดยศูนย์วิจัยอินเตอร์เนชันแนล ไครซิส กรุ๊ป รายงานเมื่อปี 2008 ว่า ปาเต๊ะได้รับตำแหน่งหัวหน้านักรบญิฮาดต่างชาติที่นั่น

ตำรวจอินโดนีเซียได้รับรายงานว่า ปาเต๊ะกลับเข้าประเทศอีกครั้งเมื่อต้นปี 2010 เพื่อเข้าร่วมกับกองทหารมุสลิมในจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งก่อตั้งโดย ดุลมาติน ผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดบนเกาะบาหลี ที่ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมไปเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

“อุมาร์ ปาเต๊ะ เป็นบุคคลอันตราย เขาเชี่ยวชาญการทำระเบิด และสามารถสอนผู้อื่นให้รู้จักวิธีทำระเบิด นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำปฏิบัติการของกลุ่ม ญามาอะห์ อิสลามียะห์ ด้วย” กุสนันโต อังโกโร นักวิเคราะห์ความปลอดภัยจากมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ระบุ

ญามาอะห์ อิสลามียะห์ ต้องการผนวกรวมอินโดนีเซีย, บรูไน, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ตอนใต้ ให้เป็นรัฐอิสลามหนึ่งเดียว และปกครองด้วยกฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกับรัฐบาลตอลิบานในอัฟกานิสถาน

นับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 1999 เป็นต้นมา กลุ่มญามาอะห์ อิสลามียะห์ ลอบวางระเบิดในอินโดนีเซียแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ครั้ง คร่าชีวิตประชาชนไปหลายร้อยคน โดยเฉพาะมุสลิม