เอเอฟพี - ร่างกายของพวกเขาบอบช้ำ ไม่ต่างกับจิตใจอันภักดีต่อ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ที่บัดนี้แหลกสลาย เมื่อทราบว่าผู้นำประเทศที่พวกเขาเคารพรักหลอกให้ต่อสู้กับฝ่ายกบฏที่เป็นชาวลิเบียด้วยกันเอง
ทหารทั้ง 3 นายบาดเจ็บจากการต่อสู้ และถูกกลุ่มกบฏจับไปขังแยกไว้ตามสถานที่ต่างๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
พวกเขานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเบนกาซี นอนหลับบ้าง สวดมนต์บ้าง และหวนรำลึกว่าเหตุใดวันนี้ จึงได้รับการดูแลอย่างดีจากฝ่ายศัตรู ที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนอัลกออิดะห์, หน่วยจารกรรม “มอสซาด” ของอิสราเอล หรือกลุ่มก่อการร้ายใดๆ ที่ กัดดาฟี อ้างแม้แต่นิดเดียว
อาซูมี อาลี โมฮัมเหม็ด วัย 25 ปี เล่าว่า ตนเป็นทหารกองหนุนที่ถูกจับเมื่อวันที่ 20 มีนาคม หลังจากเครื่องบินรบของกองกำลังนานาชาติทิ้งระเบิดใส่ขบวนทหารลิเบียและทหารรับจ้างแอฟริกันราว 400 นาย บนถนนสายหนึ่งที่มุ่งมาจากเมืองอัจดาบิยา
“เราถูกโจมตีทันทีที่เริ่มเดินทาง ผมเห็นทหาร 2 คนตายต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้น ก็ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” เขากล่าว พลางชี้ไปที่ขาขวาที่ถูกยิงและมีผ้าพันแผลปิดอยู่
ทหารเหล่านี้ได้รับคำสั่งให้คุ้มกันบริเวณดังกล่าว และต่อสู้กับ “ทหารรับจ้างและกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์”
โมฮัมเหม็ด กล่าวว่า รู้สึกตกใจอย่างยิ่งเมื่อทราบว่า ศัตรูก็คือประชาชนลิเบียด้วยกันเอง พร้อมเล่าว่าโทรศัพท์มือถือถูกยึดไว้ที่กรุงตริโปลี เพื่อไม่ให้รับข่าวสารจากภายนอก
เมื่อพบกับฝ่ายกบฎและได้รับการดูแลรักษาจากแพทย์ของพวกเขา “ผมรู้สึกว่า ผมอยากสู้กับทหารของกัดดาฟี” เขา เผย
มุสตาฟา โมฮัมเหม็ด อาลี วัย 40 ปี เป็นทหารอาชีพที่รอดชีวิตจากการถูกฝ่ายกบฎยิงถึง 6 นัด ระหว่างขับรถออกจากเมืองอัจดาบิยา เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ส่วนเพื่อนของเขา 3 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
อาลี และพวกถูกเป่าหูว่า หน่วยข่าวกรอง “มอสซาด” ของอิสราเอลได้ว่าจ้างนักรบชาวตูนีเซีย, อียิปต์ และ ซีเรีย เข้ามาก่อความไม่สงบในลิเบีย โดยให้ยากล่อมประสาทพวกเขา
“ผมเคยจงรักภักดีต่อกัดดาฟี แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”
“ผมเห็นคนหนุ่มสาวในเมืองเบนกาซีก่อการปฏิวัติ เพื่อหนีจากความมืดมนอนธการที่ครอบงำพวกเขาอยู่” อาลี เผย
ทั้ง อาลี และ โมฮัมเหม็ด เล่าตรงกันว่า ฝ่ายกบฎสัญญาจะปล่อยตัวพวกเขากลับไปหาครอบครัว หลังจากที่ กัดดาฟี สูญสิ้นอำนาจ
อาลี ยอมรับว่า เวลานี้เขาตัดสินใจแปรพักตร์จาก กัดดาฟี แล้ว
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ? กัดดาฟีก็แค่คนๆ หนึ่ง แต่ประเทศชาติสำคัญกว่า”
วานิส อิบรอฮีม ฮัสซัน วัย 30 ปี เป็นทหารอีกนายที่เดินทางพร้อมขบวนรถถังไปยึดสนามบินเมืองเบนกาซี เมื่อวันที่ 19 มีนาคม และถูกฝ่ายกบฎโจมตีด้วยระเบิด
แรงระเบิดทำให้เศษเหล็กร้อนจัดฝังเข้าไปในแผ่นหลังของเขา, แขนขวาหักหลายจุด, ศีรษะเป็นแผล และขาฉีก
ฮัสซัน เล่าเหตุการณ์ไม่ตรงกันนัก โดยครั้งแรกพูดว่าตั้งใจจะหนีระหว่างทางไปเมืองเบนกาซี เพราะไม่ต้องการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่หลังจากนั้น กลับบอกว่า ถูกหลอกให้หลงเชื่อว่ากำลังสู้กับผู้ก่อการร้าย
โมฮัมเหม็ด ช่วยอธิบายแทนว่า ฮัสซัน บาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ จึงยังเล่าเหตุการณ์ผิดเพี้ยนไป
ทว่า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ดูแลพวกเขาต่างตระหนักดีถึงหน้าที่ของตนเอง
“ผมดูแลพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นมนุษย์เหมือนกัน และเพราะผมเป็นมุสลิม” แพทย์คนหนึ่งกล่าว