เอเอฟพี - สหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศสเปิดฉากถล่มลิเบียด้วยจรวดโทมาฮอว์กนับร้อยลูก ผนวกกับการโจมตีทางอากาศในช่วงเช้ามืดวันนี้ (20) สร้างความโกรธแค้นแก่พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ซึ่งเผยว่า ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกลายเป็น “สมรภูมิ” ไปแล้ว
จรวดโทมาฮอว์กอย่างน้อย 110 ลูกถูกยิงใส่หน่วยป้องกันทางอากาศของลิเบียวานนี้(19) หลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติให้ใช้การแทรกแซงทางทหารเพียง 2 วัน
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เช้าวันนี้ (20) มีการทิ้งระเบิดใกล้ศูนย์บัญชาการ บับ อัล-อะซีซียะห์ ของกัดดาฟีในกรุงตริโปลี ทำให้กองทัพลิเบียยิงตอบโต้ด้วยปืนต่อสู้อากาศยาน
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติรายงานว่า ประชาชนหลายร้อยคนมารวมกันเป็นโล่มนุษย์ให้กับ กัดดาฟี ที่ บับ อัล-อะซีซียะห์ รวมถึงสนามบินนานาชาติกรุงตริโปลี
เจ้าหน้าที่ลิเบียเปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิต 48 ราย หลังเครื่องบินรบฝรั่งเศสโจมตียานพาหนะซึ่งอ้างว่าเป็นของฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟี ในเวลาประมาณ 16.45 น.(GMT)วานนี้(19)
สื่อรัฐบาลลิเบียรายงานว่า เครื่องบินรบฝ่ายตะวันตกทิ้งระเบิดใส่พลเรือนในกรุงตริโปลี ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ขณะที่โฆษกกองทัพระบุว่า ถังเก็บเชื้อเพลิงในเมืองมิสราตาซึ่งกลุ่มกบฎยึดครองอยู่ ก็ถูกโจมตีเช่นกัน
ในแถลงการณ์สั้นๆ ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ กัดดาฟีประณามการกระทำของชาติตะวันตกว่า “ป่าเถื่อน และเป็นความก้าวร้าวของนักรบครูเสดที่ไร้ความชอบธรรม” พร้อมลั่นวาจาว่า จะแก้แค้นด้วยการโจมตีทั้งทหารและพลเรือนบริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งขณะนี้กลายเป็น “สมรภูมิ” ไปแล้วอย่างแท้จริง
“ขณะนี้คลังสรรพาวุธถูกเปิดออกแล้ว ชาวลิเบียจะจับอาวุธกันทุกคน” เพื่อต่อสู้กับกองกำลังตะวันตก กัดดาฟีเตือน
กระทรวงการต่างประเทศลิเบียแถลงว่า ปฏิบัติการของชาติตะวันตก “ถือเป็นการทำลายความมั่นคงและสันติสุขของนานาชาติ”
“ลิเบียขอเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมโดยด่วน เนื่องจากความรุนแรงที่สหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส กระทำต่อลิเบีย ซึ่งเป็นรัฐเอกราชและสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ”
วันพฤหัสบดี (17) ที่ผ่านมา คณะมนตรีความมั่นคงฯ โหวตสนับสนุนมติปี 1973 ซึ่งยินยอมให้ใช้ “ทุกมาตรการ” เพื่อปกป้องประชาชน, กำหนดเขตห้ามบิน และบีบให้รัฐบาลกัดดาฟีหยุดยิงทันที
วันต่อมา ลิเบียได้ประกาศหยุดยิงฝ่ายกบฎ ซึ่งพยายามปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พร้อมระบุว่า ได้นำเครื่องบินรบลงจอดทั้งหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อชาติตะวันตกโจมตีลิเบีย “ผลของมติ ปี 1973 ซึ่งกำหนดเขตห้ามบินจึงถือว่าสิ้นสุด” แถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศลิเบีย ระบุ
สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอ้างรายงานจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงว่า ลิเบียจะงดให้ความร่วมมือกับยุโรปในการหยุดยั้งผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายด้วย
“รัฐบาลลิเบียตัดสินใจแล้วว่า จะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้นกับบรรดาผู้ที่อพยพเข้ายุโรปโดยผิดกฎหมาย”
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา กล่าวระหว่างเยือนบราซิลว่า ได้อนุมัติให้กองทัพสหรัฐฯเริ่มแผนการ “โอดิสซี ดอว์น” ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหารอย่างจำกัด พร้อมยืนยันว่า จะไม่ส่งทหารสหรัฐฯเข้าไปในดินแดนลิเบียอย่างแน่นอน
“อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วเมื่อวานนี้ ผมขอย้ำอีกครั้งว่า เราจะไม่ส่งทหารสหรัฐฯเข้าไปในลิเบียแน่นอน” โอบามา กล่าว
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแสดงความผิดหวังที่มีการโจมตีเกิดขึ้นระหว่างประกาศใช้มติปี 1973 อย่างรีบเร่ง ขณะที่สหภาพแอฟริกาซึ่งไม่สนับสนุนการแทรกแซงทางทหาร จะส่งผู้แทนไปยังกรุงตริโปลีวันนี้ (20)
นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ระบุว่า กัดดาฟี จะต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในลิเบีย และถึงเวลาแล้วที่ประชาคมโลกจะไม่นิ่งเฉย
“พันเอก กัดดาฟี เป็นผู้ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เขาโกหกต่อนานาชาติ เขาสัญญาว่าจะหยุดยิงแต่แล้วก็ผิดสัญญา เขายังคงทำร้ายประชาชนของตัวเองต่อไป” คาเมรอน ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์อังกฤษ