กัดดาฟีเชื่อ ปชช.ลิเบียจับอาวุธสู้เขตห้ามบิน-แผนปล้นน้ำมันชาติตะวันตก

บีบีซี/เอเอฟพี - มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบียบอกว่าประชาชนของเขาจะจับอาวุธขึ้นสู้หากชาติตะวันตกหรือสหประชาชาติกำหนดเขตห้ามบินตามคำร้องขอของกลุ่มกบฏ พร้อมชี้แผนดังกล่าวจะเผยให้เห็นธาตุแท้ของชาติตะวันตกที่ต้องการยึดลิเบียและขโมยน้ำมันของพวกเขา

มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเขตห้ามบิน ซึ่งจะห้ามเครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัฐบาลบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย และหากอาศกาศยานใดๆ ฝ่าฝืนคำสั่งนี้ก็เสี่ยงที่จะถูกกองกำลังนานาชาติสอยร่วงได้ โดยเขตห้ามบินนี้เคยถูกบังคับใช้มาแล้วในบริเวณทางเหนือและใต้ของอิรัก ตามหล้งสงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 1991 และระหว่างสงครามบอสเนีย ในปี 1994-95

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกลาโหมของนาโตจะร่วมพิจารณาหารือถึงทางเลือกต่างๆต่อลิเบียในวันพฤหัสบดี (10) และวันศุกร์นี้ (11) ขณะที่ทางสหรัฐฯ บอกว่าการตัดสินใจใดๆ ต่อการกำหนดเขตห้ามบินต้องได้รับความเห็นชอบจากสหประชาชาติเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม กัดดาฟีใหสัมภาษณ์กับสำนักข่าวทีอาร์ที ทีวี ของตุรกี ว่า “หากพวกเขาตัดสินใจเช่นนั้น (กำหนดเขตห้ามบิน) มันจะเป็นประโยชน์ต่อลิเบีย เพราะประชาชนชาวลิเบียจะได้รู้ความจริงว่าพวกเขาต้องการเข้ายึดลิเบียและขโมยน้ำมันของพวกเรา จากนั้นประชาชนชาวลิเบียก็จะจับอาวุธขึ้นสู้กับพวกเขา”

คำสัมภาษณ์ของกัดดาฟีมีขึ้นหลังจากกองกำลังสวามิภักดิ์ต่อเขาโหมรุกใส่ฐานที่มั่นของฝ่ายกบฏทั้งในภาคตะวันออกและตะวันตกด้วยขบวนรถถัง ฝูงบินรบ และจรวดทำลายล้าง ตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (8)

เครื่องบินรบและรถถังของกองกำลังกัดดาฟีดาหน้าบดขยี้ฝ่ายกบฏข้าศึกในเมืองซอวิยะห์ ซึ่งเป็นเมืองของพวกฝ่ายค้านที่ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงตริโปลีมากที่สุดทางภาคตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้ฝ่ายรัฐบาลยังได้ยิงสกัดกั้นพวกกบฏอีกกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะรุกขยายพื้นที่ยึดครองเข้ามาในเขตภาคตะวันตกยังเมืองซีระเตะห์ ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ในฐานะที่เป็นบ้านเกิดของกัดดาฟี

ข้ามมาทางฟากตะวันออกของลิเบีย ซึ่งพื้นที่อาณาบริเวณกว้างขวางตกอยู่ในความควบคุมของฝ่ายกบฏก็มีรายงานว่า กองกำลังของรัฐบาลได้ส่งเครื่องบินบอมบ์ใส่พวกกบฏนักรบตามจุดต่างๆ รอบเมืองราส ลานูฟ อันเป็นสมรภูมิแนวหน้าระหว่างสองฝ่ายในขณะนี้ และเป็นแนวป้องกันสำคัญของฝ่ายกบฏไม่ให้กองกำลังกัดดาฟีสามารถบุกเข้าไปถึงเมืองที่อยู่ลึกเข้าไปตลอดจนเมืองเบงกาซี ฐานที่มั่นของบรรดาผู้นำฝ่ายค้าน

ทั้งนี้ เชื่อกันว่ามีประชาชนมากกว่า 1,000 คนแล้วที่เสียชีวิตนับตั้งแต่เหตุจลาจลพยายามโค่นล้มการครองอำนาจยาวนาน 41 ปีของกัดดาฟี ที่เริ่มมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกัน ทางสหประชาชาติก็คาดหมายว่ามีประชาชนอีกกว่า 212,000 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติ หลบหนีออกนอกประเทศแห่งนี้