เอเจนซี - มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส์ เซอร์วิส สถาบันระดับโลกด้านการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ ประกาศลดเรตติ้งพันธบัตรรัฐบาลประเทศกรีซลงรวดเดียว 3 ขั้น เมื่อวันวันจันทร์ (7) ส่งผลให้มองกันว่าประเทศเจ้าปัญหาด้านฐานะการเงินการคลังแห่งยูโรโซนเจ้านี้ อาจถูกบีบให้ยอมปรับโครงสร้างหนี้ โดยอาจเกิดให้เห็นกันก่อนปี 2013 ทีเดียว
นอกจากนั้น ปัจจัยใหม่ประการนี้ยังทวีแรงกดดันต่อบรรดาประเทศชั้นนำของยุโรปให้ต้องยอมผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระคืนหนี้ที่ให้กรีซไปประคองฐานะจากการล้มละลายเมื่อก่อนหน้านี้ ถึงแม้ที่ผ่านมา เยอรมนีและบรรดาชาติพันธมิตรมีท่าทีว่าจะไม่ยอมใช้วิธีแรงๆ เช่นเข้าซื้อพันธบัตรกรีซ ในการช่วยรัฐบาลเอเธนส์ลดภาระหนี้
ทั้งนี้ มูดี้ส์ลดอันดับพันธบัตรรัฐบาลกรีกลงเหลือ B1 จากเดิม Ba1 พร้อมบอกระบุว่าทิศทางแนวโน้มยังเป็น “ลบ” ซึ่งแปลว่าอาจลดลงต่ำกว่านี้ได้อีก โดยชี้ถึงความเสี่ยงสำคัญหลายประการในโครงการเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการคลังของรัฐบาลกรีก อาทิ การเก็บรายได้เข้ารัฐได้ไม่มากเพียงพอ, ปัญหาในการปฏิรูปการรักษาพยาบาล กับปฏิรูปฐานะของบรรดารัฐวิสาหกิจทั้งหลาย
ปฏิกิริยาของตลาดต่อความเคลื่อนไหวคราวนี้ของมูดี้ส์นับว่าแรงทีเดียว โดยมีการเพิ่มราคาการประกันหนี้ของกรีซ โปรตุเกส และสเปน ตลอดจนเพิ่มค่าพรีเมียมความเสี่ยงในการถือพันธบัตร นอกจากนั้น หลายฝ่ายยังเชื่อว่าจะได้เห็นการลดอันดับของกรีซลงลึกกว่านี้อีก โดยเชื่อว่าจะได้เห็นรัฐบาลกรีกลุกขึ้นมาขอปรับโครงสร้างหนี้แน่นอน และจึงพูดกันแล้วว่าอาจมีการใช้มาตรการแฮร์คัท หรือการขอลดมูลหนี้จากเจ้าหนี้นั่นเอง
เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ประเทศกรีซได้ลงนามรับแพ็คเก็จความช่วยเหลือมูลค่า 154,000 ล้านดอลลาร์จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อประคองฐานะให้พ้นจากสภาพล้มละลาย แต่เงื่อนไขการชำระคืนของแพ็คเก็จดังกล่าวถูกฝ่ายต่างๆ มองว่าสาหัสเกินไป กล่าวคือ ต่อให้กรีซสามารถรับผิดชอบคืนหนี้ทั้งหมดได้ภายใน 3 ปีตามเงื่อนไข หนี้ของกรีซก็จะไต่ระดับถึง 158% ของจีดีพีภายในปี 2013 ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ยากจะประคองตัวยั่งยืนได้ และคงต้องเกิดการปรับโครงสร้างหนี้ขึ้นจนได้
ระดับความน่าเชื่อถือที่กรีซได้รับจากมูดี้ส์ขณะนี้ อยู่ในกลุ่มจังก์บอนด์ ประเภท highly speculative ซึ่งต่ำกว่าของอียิปต์ และสร้างความขุ่นเคืองแก่รัฐบาลเอเธนส์ ซึ่งออกมาโวยวายมูดี้ส์ว่า จัดอันดับแบบที่ไร้ความชอบธรรม
ในปลายสัปดาห์นี้ เหล่าผู้นำแห่งยูโรโซนมีกำหนดพบปะกันที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือแผนเพื่อสร้างกลไกเสถียรภาพแห่งยุโรป หรือ European Stability Mechanism ซึ่งจะนำมาใช้เป็นการถาวร แทนกองทุนเสถียรภาพทางการเงินแห่งยุโรป หรือ European Financial Stability Fund ที่สร้างขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วโดยกำหนดให้เป็นกองทุนอายุเพียง 3 ปี
นอกจากนั้น ปัจจัยใหม่ประการนี้ยังทวีแรงกดดันต่อบรรดาประเทศชั้นนำของยุโรปให้ต้องยอมผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระคืนหนี้ที่ให้กรีซไปประคองฐานะจากการล้มละลายเมื่อก่อนหน้านี้ ถึงแม้ที่ผ่านมา เยอรมนีและบรรดาชาติพันธมิตรมีท่าทีว่าจะไม่ยอมใช้วิธีแรงๆ เช่นเข้าซื้อพันธบัตรกรีซ ในการช่วยรัฐบาลเอเธนส์ลดภาระหนี้
ทั้งนี้ มูดี้ส์ลดอันดับพันธบัตรรัฐบาลกรีกลงเหลือ B1 จากเดิม Ba1 พร้อมบอกระบุว่าทิศทางแนวโน้มยังเป็น “ลบ” ซึ่งแปลว่าอาจลดลงต่ำกว่านี้ได้อีก โดยชี้ถึงความเสี่ยงสำคัญหลายประการในโครงการเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการคลังของรัฐบาลกรีก อาทิ การเก็บรายได้เข้ารัฐได้ไม่มากเพียงพอ, ปัญหาในการปฏิรูปการรักษาพยาบาล กับปฏิรูปฐานะของบรรดารัฐวิสาหกิจทั้งหลาย
ปฏิกิริยาของตลาดต่อความเคลื่อนไหวคราวนี้ของมูดี้ส์นับว่าแรงทีเดียว โดยมีการเพิ่มราคาการประกันหนี้ของกรีซ โปรตุเกส และสเปน ตลอดจนเพิ่มค่าพรีเมียมความเสี่ยงในการถือพันธบัตร นอกจากนั้น หลายฝ่ายยังเชื่อว่าจะได้เห็นการลดอันดับของกรีซลงลึกกว่านี้อีก โดยเชื่อว่าจะได้เห็นรัฐบาลกรีกลุกขึ้นมาขอปรับโครงสร้างหนี้แน่นอน และจึงพูดกันแล้วว่าอาจมีการใช้มาตรการแฮร์คัท หรือการขอลดมูลหนี้จากเจ้าหนี้นั่นเอง
เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ประเทศกรีซได้ลงนามรับแพ็คเก็จความช่วยเหลือมูลค่า 154,000 ล้านดอลลาร์จากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อประคองฐานะให้พ้นจากสภาพล้มละลาย แต่เงื่อนไขการชำระคืนของแพ็คเก็จดังกล่าวถูกฝ่ายต่างๆ มองว่าสาหัสเกินไป กล่าวคือ ต่อให้กรีซสามารถรับผิดชอบคืนหนี้ทั้งหมดได้ภายใน 3 ปีตามเงื่อนไข หนี้ของกรีซก็จะไต่ระดับถึง 158% ของจีดีพีภายในปี 2013 ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ยากจะประคองตัวยั่งยืนได้ และคงต้องเกิดการปรับโครงสร้างหนี้ขึ้นจนได้
ระดับความน่าเชื่อถือที่กรีซได้รับจากมูดี้ส์ขณะนี้ อยู่ในกลุ่มจังก์บอนด์ ประเภท highly speculative ซึ่งต่ำกว่าของอียิปต์ และสร้างความขุ่นเคืองแก่รัฐบาลเอเธนส์ ซึ่งออกมาโวยวายมูดี้ส์ว่า จัดอันดับแบบที่ไร้ความชอบธรรม
ในปลายสัปดาห์นี้ เหล่าผู้นำแห่งยูโรโซนมีกำหนดพบปะกันที่กรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือแผนเพื่อสร้างกลไกเสถียรภาพแห่งยุโรป หรือ European Stability Mechanism ซึ่งจะนำมาใช้เป็นการถาวร แทนกองทุนเสถียรภาพทางการเงินแห่งยุโรป หรือ European Financial Stability Fund ที่สร้างขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วโดยกำหนดให้เป็นกองทุนอายุเพียง 3 ปี
