เอเอฟพี - สหภาพยุโรปเมื่อวันจันทร์(28) มีมติสั่งอายัดทรัพย์สินและแบนวีซาของประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี พร้อมสมาชิกในครอบครัวและสมุนอีก 25 คน โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
"มาตรการของอียู ไม่ใช่แค่สนับสนุนมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์เท่านั้น แต่ยังได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรของตนเองเพิ่มเติมด้วย" จากคำกล่าวของ ทามาส เฟลเลกี รัฐมนตรีพัฒนาชาติของฮังการี ในฐานะประธานหมุนเวียนของอียูชาติปัจจุบัน
"คณะกรรมาธิการอียูยังได้ห้ามส่งออกอาวุธ กระสุนรวมถึงวัสดุที่มีความเกี่ยวข้องไปยังลิเบีย เพิ่มเติมจากมาตรการต่างๆของสหประชาชาติ" เขากล่าว "นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยังห้ามขายสินค้าต่างๆที่อาจนำไปใช้ด้านปราบปรามภายในแก่ลิเบียด้วย"
ทั้งนี้คำสั่งแบนวีซามีผลบังคับใช้กับบุคคลต่างๆ อาทิตัวกัดดาฟีเอง สมาชิกภายในครอบครัวตลอดจนที่ปรึกษาวงในของเขาและกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการปราบปรามนองเลือดประชาชน นับตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา
ขณะที่คำสั่งอายัดทรัพย์มีผลบังคับใช้กับกัดดาฟี สมาชิกภายในครอบครัวของเขา 5 คนและคนอื่นๆอีก 20 ราย
นอกจากนั้น อียูยังบอกด้วยว่ามีการติดต่อกับชาวลิเบียที่กำลังหาทางโค่นล้มระบอบปกครองกัดดาฟี ท่าทีเช่นนี้ของฟากฝั่งยุโรป มีขึ้น 1 วันหลังจากที่สหรัฐฯก็แถลงว่ามีการติดต่อและพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกผู้ประท้วงที่ลุกฮือขึ้นมายึดเมืองสำคัญๆ ในลิเบีย ตลอดจนเวลานี้เข้าควบคุมดินแดนอันกว้างขวางของรัฐร่ำรวยน้ำมันในแอฟริกาเหนือแห่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว