เอเจนซี - นักวิจัยเตือนการขับรถ 3 ชั่วโมงรวดตอนกลางคืน ทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดทอนลงพอๆ กับการเมาแล้วขับ
ผู้เชี่ยวชาญที่ทำการวิจัยนี้เรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎหมายจำกัดการขับรถต่อเนื่องตอนกลางคืนไม่ให้เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุและอัตราการเสียชีวิต
เป็นที่คาดว่า 1 ใน 5 ของอุบัติเหตุบนท้องถนนทั้งหมดเกิดจากความง่วงของคนขับ
ผู้ขับขี่ 1 ใน 3 ยอมรับว่าสัปหงกขณะขับรถตอนกลางคืน
งานศึกษาเมื่อปีที่แล้วของผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ เวลส์ เรียกร้องให้ทางการห้ามผู้ขับขี่มือใหม่ขับรถตอนกลางคืน โดยระบุว่าจะช่วยรักษาชีวิตได้ถึง 200 คนต่อปี และลดการบาดเจ็บได้ถึง 1,700 รายในอังกฤษ
โดยข้อกำหนดคล้ายกันนี้มีใช้อยู่แล้วในนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ เนื่องจากตำรวจไม่สามารถตรวจวัดผลจากความเหนื่อยล้าของคนขับได้เหมือนกับการวัดระดับแอลกอฮอล์ ดังนั้น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอูเทรคต์ในเนเธอร์แลนด์ จึงพยายามตรวจสอบเรื่องนี้กับอาสาสมัครชายสุขภาพดีอายุ 21-25 ปี จำนวน 14 คน
ในการทดลอง อาสาสมัครแต่ละคนต้องขับรถต่อเนื่อง 2, 4 และ 8 ชั่วโมงตอนกลางคืน โดยรักษาระดับความเร็วไว้ที่ 80 ไมล์ (128 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง และต้องขับอยู่กลางเลนส์
นักวิจัยบันทึกวิดีโอเพื่อนำมาตรวจสอบความปลอดภัยในการขับ หลังการทดลองมีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอาสาสมัครกับผลจากการขับรถขณะมึนเมา
ผลลัพธ์ที่ตีพิมพ์ในเจอร์นัล ออฟ สลีฟ รีเสิร์ชแสดงให้เห็นว่าหลังผ่านไป 2 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการขับขี่จะมีความผิดพลาดเท่ากับเมื่อมีแอลกอฮอล์ในเลือด 0.05% หรือกว่าครึ่งของ 80 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นระดับที่กฎหมายอังกฤษอนุญาตให้ดื่มได้ขณะขับรถ
หากขับรถ 3 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการขับจะเท่ากับคนที่มีแอลกอฮอล์ในเลือด 0.08% เท่ากับขีดจำกัดของกฎหมายอังกฤษ และ 4 ชั่วโมงเท่ากับ 0.10%