เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ชี้ทางสว่างให้ ประธานาธิบดีอียิปต์ ฮอสนี มูบารัค ตั้งโต๊ะเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม ที่ก่อการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในรอบ 3 ทศวรรษ
“รัฐบาลสหรัฐฯ จำเป็นต้องชี้ทางให้ฮอสนี มูบารัคยอมรับถึงความเร่งด่วนและกฎหมายที่รองรับการประท้วง และเริ่มเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม” หนังสือพิมพ์รายวันฉบับนี้รายงาน พร้อมทั้งระบุว่า การประท้วงครั้งนี้เป็นช่วงเวลาอันเปราะบางต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ - อียิปต์
“อียิปต์โหยหาการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนผ่านโดยสันติเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย”
สื่อรายวันฉบับนี้ยังระบุว่า เห็นใจผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคน ซึ่งออกมาเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบนท้องถนนกรุงไคโร
“เราเห็นอกเห็นใจ ผู้โกรธแค้น ผู้คับข้องหมองใจจำนวนหลายพันที่ออกมาบนถนนกรุงไคโร และเมืองต่างๆ ในสัปดาห์นี้ นับเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายๆ ปี”
หลังการชุมนุมของมวลชนจำนวนมาก ทางการอียิปต์ได้ประกาศห้ามชุมนุมอย่างเด็ดขาดเมื่อวานนี้ (26) ทว่ายังมีผู้คนมหาศาลแห่แหนออกมาท้าทายข้อห้ามดังกล่าว และเรียกร้องให้ ประธานาธิบดีมูบารัคลงจากตำแหน่ง
“ผู้มีอำนาจรัฐมักทำเช่นเดียวกับรัฐบาลกรุงไคโร ที่กำลังหลอกตัวเองเกี่ยวกับสาเหตุของความไม่สงบ”
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์กล่าวถึงสาเหตุการประท้วงต่างๆ นานา ซึ่งรวมทั้ง “โครงการหลายโครงการของรัฐบาลซึ่งได้รับการคาดหมายว่า จะช่วยคนยากคนจน แต่ผลสุดท้ายกลับเอื้อประโยชน์ให้คนรวย”
ทางการอียิปต์แถลงวันนี้ (27) ว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตำรวจอียิปต์ได้จับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 1,000 คน ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวก็ให้คำมั่นว่า จะปักหลักชุมนุม ในการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีของประเทศหนนี้
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 รายในการประท้วงขับไล่รัฐบาลมูบารัค โดยชาวอียิปต์ได้ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการปฏิวัติในตูนิเซีย ที่ส่งผลกระทบกระเทือนไปทั่วทั้งภูมิภาค การประท้วงครั้งนี้ทำให้สหรัฐฯ ต้องออกมากระตุ้นพันธมิตรอันเหนียวแน่นอย่างอียิปต์ กรณีการปฏิรูปประชาธิปไตย