เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งแรงอีกเกือบ2ดอลลาร์เมื่อวันอังคาร (25) แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจอันน่าผิดหวังในสหรัฐฯ และอังกฤษก่อความกังวลทางอุปสงค์ ขณะที่ วอลล์สตรีท ขยับในกรอบแคบๆ ท่ามกลางการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทต่างๆ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งดิ่งลงไปแตะ 86.12 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กได้ปรับลดเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน รวมแล้วกว่าร้อยละ 6 เลยทีเดียว ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 95.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่าตลาดได้รับผลกระทบจากข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลอังกฤษ ที่ระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศหดตัวอย่างที่ไม่คาดหมายมาก่อนร้อยละ 0.5 ในไตรมาส 4 ของปี 2010
นับเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจของอังกฤษหดตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2009 และตัวเลขนี้สร้างความประหลาดใจแก่นักวิเคราะห์ไม่น้อย โดยส่วนใหญ่ต่างพากันประมาณการณ์ไว้ว่าจีดีพีน่าจะขยายตัวร้อยละ 0.4
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังถูกกัดเซาะจากข่าวเกี่ยวกับวิกฤตที่ยังไม่คลี่คลายของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก หลังดัชนีราคาบ้านของ S&P/Case-Shiller ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (25) ลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (25) กระเตื้องขึ้นมาปิดลบในกรอบแคบๆ ช่วงท้ายของการซื้อขาย หลังมุมมองที่ดีต่อภาพรวมรายได้ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ถูกกัดเซาะโดย 3M และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งมีกำไรหดตัวในไตรมาส 4 และรายได้ตลอดทั้งปีน้อยกว่าที่คาดหมายไว้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 3.33 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,977.19 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 1.70 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,719.25 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.34 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,291.18 จุด
