เอเอฟพี - หน่วยความมั่นคงรัสเซียยอมรับเคยได้รับคำเตือนว่ากลุ่มก่อการร้ายมีแผนโจมตีสนามบินต่างๆ ในกรุงมอสโก ก่อนจะเกิดเหตุบึ้มถล่มท่าอากาศยานศูนย์กลางการบินโดโมโดโวเมื่อวันจันทร์ (24) ซึ่งยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดขยับเป็น 35 ศพ ขณะที่นานาชาติประสานเสียงประณามปฏิบัติการนองเลือดครั้งนี้ที่ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ
“หน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับข่าวสารว่ากลุ่มก่อการร้ายจะปฏิบัติการโจมตีหนึ่งในท่าอากาศยานของมอสโก” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบอกกับสำนักข่าวอาร์ไอเอ โนวอสตี “มีคำเตือนให้เราอยู่ในความพร้อมราวหนึ่งสัปดาห์ก่อนเหตุระเบิด”
เหตุระเบิดเกิดขึ้นในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ในจุดที่อยู่ถัดจากศูนย์ควบคุมศุลกากร ซึ่งทางโฆษกของสนามบินบอกว่าบริเวณดังกล่าวเป็นเขตเข้าออกได้อย่างอิสระโดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรผ่านขึ้นเครื่องบิน (Boarding pass)
ทั้งนี้ โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้เรียกร้องประณามจากนานาชาติในทันที โดยนายอันเดอร์ส ฟอก รัสมุสเซน เลขาธิการนาโต กล่าวแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัสเซีย
“เราจะต่อสู้กับสิ่งนี้ด้วยกัน” เลขาธิการนาโตกล่าวก่อนหน้าเข้าร่วมประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโตและรัสเซียในกรุงบรัสเซลส์ “นี่คือเหตุผลว่าทำไมคณะกรรมาธิการนาโต-รัสเซีย จำเป็นต้องกระชับความร่วมมือในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย”
บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ผ่านถ้อยแถลงที่อ่านโดย โรเบิร์ต กิบบ์ส โฆษกทำเนียบขาวว่า “ผมขอประณามอย่างรุนแรงต่อพฤติกรรมก่อการร้ายที่มีต่อประชาชนชาวรัสเซีย” พร้อมกันนี้ กิบบ์ส ระบุเสริมว่าสหรัฐฯ พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่หากได้รับการร้องขอมาจากมอสโก
ฝรั่งเศสและเยอรมนี เรียกเหตุโจมตีดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษบอกว่ารู้สึกช็อคและเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศบัลแกเรีย ระบุไม่มีคำกล่าวอ้างใดๆ ต่อการคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับส่งมอบสาส์นแสดงความเสียใจของประธานาธิบดีจอร์จี ปาร์วานอฟ ไปยังประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ด้วย
ด้านความคืบหน้าของการสืบสวน ล่าสุดเจ้าหน้าที่รัสเซียเมื่อวันจันทร์ (24) พบศีรษะมีลักษณะคล้ายชาวอาหรับซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นศีรษะของมือระเบิดฆ่าต้วตายที่ก่อเหตุโจมตีสนามบินแห่งนี้
“เราพบศีรษะของชายที่ดูเหมือนเป็นชาวอาหรับอายุราว 30 ถึง 35 ปี” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่ไม่เปิดเผยชื่อบอก “สันนิษฐานว่าคงเป็นเขานี่แหละที่กดชนวนระเบิด”
ในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดีดมีทรี เมดเวเดฟ ได้เรียกประชุมฉุกเฉินเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงและด้านการขนส่ง พร้อมมีคำสั่งยกระดับมาตรการความมั่นคงตามท่าอากาศยานต่างๆ และสถานีรถไฟสำคัญๆ ทั่วประเทศ
