xs
xsm
sm
md
lg

360 องศา: แปลงสนามโรงเรียนเป็นสวนพืชผัก ฟิลิปปินส์นำร่องต้านกระแสจังค์ฟูด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โครงการพืชผักสวนครัวในโรงเรียนเพื่อรณรงค์ต่อสู้การระบาดของจังค์ฟูดและโรคจากโภชนาการผิดหลักในสังคมฟิลิปปินส์
เอเอฟพี – ฟิลิปปินส์กำลังเดินหน้าผ่องถ่ายสนามหญ้าโรงเรียนประถมเป็นสวนผัก เพื่อต่อสู้การเสพติดจังค์ฟูดที่สร้างปัญหาสุขภาพไปทั่วประเทศ

ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในมะนิลาซึ่งเป็นโรงเรียนนำร่องของโครงการอาหารเพื่อสุขภาพ ครูและนักเรียนตลอดจนผู้ปกครองช่วยกันรดน้ำพรวนดินสวนผักอย่างขมักเขม้น

ทุกตารางนิ้วที่สามารถใช้ได้ถูกแปลงสภาพเป็นสวนผักที่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ซึ่งจะนำไปทำอาหารเลี้ยงนักเรียนที่ยากจนที่สุดในโรงเรียน และอีกส่วนนำไปขายเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวเด็กยากจนเหล่านั้น

สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีดิน ทางออกคือสวนไฮโดรโพนิกที่ใช้ขวดพลาสติกใช้แล้วเป็นภาชนะในการปลูกและแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบ

“น่ามหัศจรรย์มากที่คุณสามารถทำสิ่งต่างๆ มากมายด้วยนวัตกรรมบวกกับจินตนาการเล็กๆ น้อยๆ เด็กที่นี่ได้รับความรู้ด้านโภชนาการที่เหมาะสม และเราดึงผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการด้วย เพราะเราอยากให้ครอบครัวของนักเรียนละทิ้งไลฟ์สไตล์การกินอาหารขยะ” เอดิตา บักกายัน ครูใหญ่โรงเรียนประถมปารานัค บอก

พืชผักที่ปลูกในโรงเรียนนี้มีทั้งกระเจี๊ยบเขียว มะเขือยาว มะรุม กะหล่ำปลี บวบ บร็อกโคลี แตงโม ฯลฯ หลายอย่างเป็นส่วนผสมของอาหารพื้นบ้านตากาล็อกที่สูญหายไปจากโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็วเนื่องจากประชาชนหันไปกินอาหารสำเร็จรูปและอาหารจานด่วนกันมากขึ้น

ดัชซี อาแรนดา นักโภชนาการและแม่ครัวของโรงเรียน บอกว่าโครงการนี้เห็นผลชัดเจน โดยมีการคัดเลือกนักเรียน 100 คนที่ขาดแคลนอาหารที่สุดจากนักเรียนทั้งหมด 3,000 คน กินอาหารกลางวันฟรีจากอาหารที่ทำจากพืชผักของโครงการที่ริเริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

“กราฟของเราบ่งชี้ว่าเด็กเหล่านี้สุขภาพแข็งแรงขึ้น ตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนดีขึ้น

“เราหวังว่าพวกเขาจะนำแนวทางนี้ไปใช้เมื่อโตขึ้น เพราะตอนนี้มีคนมากมายที่มีปัญหาสุขภาพ”

ร้านฟาสต์ฟูดในฟิลิปปินส์ว่าไปแล้วอาจชุกชุมยิ่งกว่าในสหรัฐฯ ที่เข้ามายึดประเทศเอเชียอาคเนย์แห่งนี้เป็นอาณานิคมเกือบ 50 ปีนับจากปี 1898

แดนตากาล็อกชื่นชอบฟาสต์ฟูดซึ่งเป็นกิจการท้องถิ่นอย่างมาก โดยมีสาขาแม้แต่ในเมืองห่างไกลปืนเที่ยง ขณะที่แบรนด์จากอเมริกาเข้ามาเปิดสาขามากมายเช่นกัน

แม้ข้าวยังเป็นอาหารหลัก แต่กับข้าวส่วนใหญ่มักเป็นอาหารทอดน้ำมันชุ่ม

ผลลัพธ์คือ โรคจากไลฟ์สไตล์ เช่น ความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ระบาดในหมู่ประชากรวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงอายุ 20-49 ปี กลายเป็นโบนัสก้อนโตสำหรับบริษัทยา

“ทุกอย่างตอนนี้มีแต่ฟาสต์ฟูดหรืออาหารสำเร็จรูป เรามีพฤติกรรมการกินที่แย่มากแถมนั่งๆ นอนๆ พ่อแม่และเด็กไม่ค่อยออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่กินผักผลไม้

“ถ้าไปเดินตามห้าง คุณจะเห็นแต่คนอ้วนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนเหล่านี้ไม่ได้รับการอบรมให้ออกกำลังกายหรือกินอาหารที่เป็นประโยชน์” คาร์เมลี ปากันซัน ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ประจำมะนิลาของซาโนฟี อาเวนทิส บริษัทยายักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส บอก

การสำรวจโภชนาการแห่งชาติในปี 2009 พบว่าผู้ใหญ่ 27% น้ำหนักเกิน และ 25% ความดันสูง

ปากันซันเสริมว่า ตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านั้น เนื่องจากยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ว่าตัวเองความดันสูง จึงไม่กินยาและไม่ไปหาหมอ และไม่รู้ว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงและควบคุมไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขออกโครงการพืชผักเมื่อปีที่แล้ว โดยหวังว่าความสำเร็จของโรงเรียนปารานัคและโรงเรียนอื่นๆ ในมะนิลา จะถูกนำไปขยายผลทั่วประเทศเพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกต่อสุขภาพ

ปากันซันชื่นชมโครงการนี้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าคงต้องใช้เวลาอีกนานในการเปลี่ยนแปลงความคิดของชาวตากาล็อก
กำลังโหลดความคิดเห็น