เอเอฟพี - ชายสองคนจุดไฟเผาตัวเองในอียิปต์เมื่อวันอังคาร(18) จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ส่งผลยอดรวมความพยายามประท้วงลักษณะนี้ในโลกอาหรับเพิ่มเป็น 10 ราย ในจำนวนนั้นรวมไปถึงชาวตูนิเซียรายหนึ่งซึ่งจุดชนวนเกิดการลุกฮือต่อต้านซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี อดีตประธานาธิบดี จนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของอียิปต์เปิดเผยว่าชายวัย 25 ปีรายหนึ่งซึ่งกำลังตกงานและมีปัญหาทางสุขภาพจิตได้จุดไฟเผาตัวเองในเมืองอเลกซานเดรีย ทางเหนือของประเทศเมื่อวันอังคาร(18) จนได้รับบาดเจ็บระดับสาม นั่นคือเป็นบาดแผลที่มีการทำลายทั้งส่วนของหนังกำพร้าและหนังแท้ ที่สำคัญคือเส้นเลือดฝอยที่อยู่ในชั้นหนังถูกทำลายจนหมด ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานว่าเขาเสียชีวิตลงแล้ว
ส่วนชายอีกคนจุดไฟเผาตนเองด้านนอกทำเนียบรัฐบาลของอียิปต์ในกรุงไคโร อย่างไรก็ตามรายนี้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสองเหตุการณ์มีขึ้นตามหลังกรณีคล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นในกรุงไคโรวันจันทร์(17) เมื่อชายคนหนึ่งเทน้ำมันราดตนเองก่อนจุดไฟเผาบนถนนพลุกพล่านสายหนึ่งบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ต่อมาเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่คาดหมายว่าจะต้องใช้เวลาพักรักษาตัว 1 หรือ 2 วัน
นอกจากนี้ในวันอังคาร(18) ตำรวจอียิปต์ เปิดเผยว่าได้จับกุมชายคนหนึ่งที่ถือกระป๋องบรรจุน้ำมันเบนซินทำท่าทีพิรุธให้ใกล้รัฐสภาในเมืองหลวง และสันนิษฐานว่าชายรายนี้อาจพยายามก่อเหตุจุดไฟเผาตนเองเช่นกัน
การประท้วงดุเดือดลักษณะนี้เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศตูนีเซีย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม โดย โมฮาเมด โบอาซีซี วัย 26 ปี จุดไฟเผาตนเอง และการตายของเขาจุดชนวนจลาจลและนำไปสู่การลุกฮือต่อต้านประธานาธิบดีซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี จนล่าสุดเขาต้องหลบหนีออกนอกประเทศหลังจากครองอำนาจยาวนานถึง 23 ปี
นับตั้งแต่นั้นได้เกิดกรณีอื่นๆลักษณะนี้อีก 9 ราย ซึ่งเชื่อว่าเป็นความพยายามลอกเลียนแบบการฆ่าตัวตาย โดยในจำนวนนั้น 5 รายเกิดขึ้นในแอลจีเรีย ประเทศที่ก็กำลังเผชิญเหตุประท้วงรุนแรงต่อราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
การถูกขับไล่ของ เลบ อาลี ก่อความยุ่งยากแก่รัฐบาลชาติต่างๆในตะวันออกกลาง ขณะที่พวกฝ่ายค้านอาศัยเหตุการณ์ลักษณะนี้ยั่วยุให้เกิดจลาจลเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม อาเมด อาบูล เกอิต รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ พยายามลดกระแสแห่งความกังวล โดยระบุความวิตกว่าการปฏิวัติในลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นที่ตูนีเซียอาจลุกลามไปยังชาติอาหรับอื่นๆนั้น "เหลวไหลสิ้นดี"