เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งแรงวานนี้(11) จากความกังวลทางอุปทาน หลังสหรัฐฯ ต้องปิดท่อลำเลียงในอะแลสกาเป็นวันที่ 4 ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก ตามหลังความกังวลที่คลี่คลายต่อปัญหาหนี้ยูโรโซน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.91 ดอลลาร์ ปิดที่ 97.82 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2008
ปัญหารอยรั่วส่งผลให้บริษัทอัลเยสกา ประกาศปิดท่อส่งน้ำมันเลียงทรานส์ อะแลสกา เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และการปิดท่อส่งน้ำมันดังกล่าวส่งผลให้บีพี และเอ็กซอนโมบิล รวมทั้งบริษัทพลังงานอีกหลายแห่งต้องระงับการผลิตน้ำมันในเขตนอร์ทสโลปของมลรัฐอะแลสกา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวสามารถผลิตน้ำมันได้ราว 630,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ของผลผลิตน้ำมันโดยรวมในสหรัฐฯ เลยทีเดียว
“ยังมีความไม่แน่นอนล้อมรอบปัญหาท่อส่งน้ำมันรั่วในอะแลสกา ยังไม่ชัดเจนว่ามันจะคลี่คลายเมื่อไหร่ สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน” แมตต์ สมิธ จากซัมมิต เอเนอร์จี กล่าว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ (11) ปิดบวกเล็กน้อย เหตุนักลงทุนคลี่คลายความกังวลต่อปัญหาหนี้สินยูโรโซน หลังโปรตุเกสยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องรับแพกเกจเงินกู้จากเพื่อนสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 34.51 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,671.96 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.03 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,716.83 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.73 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,274.48 จุด
