เอเจนซี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาที่จะดึงตัวอดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจสูงสุดของทำเนียบขาว ผู้มากประสบการณ์ในการเจรจากับพวกรีพับลิกันให้กลับมารับตำแหน่งนี้อีกครั้ง ทั้งนี้ ตามแหล่งข่าวภายในพรรคเดโมแครต ขณะที่แหล่งข่าววงใน ระบุอีกว่า โอบามาเตรียมทาบทามซีอีโอของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ “เจ.พี.มอร์แกน เชส” มารับงานสำคัญในทำเนียบขาวด้วย
แหล่งข่าวหลายแหล่งที่ใกล้ชิดกับพวกเดโมแครต ระบุว่า จีน สเปอร์ลิง อดีตผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Economic Council หรือ NEC) ระหว่างปี 1996-2000 ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดี บิล คลินตัน กลายเป็นตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้สูงสุดที่จะกลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้งต่อจากแลร์รี ซัมเมอร์ส ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง โดยสเปอร์ลิงมีภาษีเหนือคู่แข่งอย่าง โรเจอร์ เอลต์แมน วาณิชธนากรผู้มากประสบการณ์ และริชาร์ด เลวิน อธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยเยล
สเปอร์ลิง วัย 52 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันในด้านความเชี่ยวชาญทางการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างว่าเป็นผู้ที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และที่สำคัญประสบการณ์ของเขาในการรับมือกับสภาคองเกรสที่มีรีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสมัยของคลินตันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงครึ่งสมัยหลังของประธานาธิบดีโอบามาอีกด้วย
พวกเดโมแครตแนวเสรีนิยมบางคน ยังมองว่า สเปอร์ลิงมีความใกล้ชิดกับวอลล์สตรีทมาก เนื่องจากหน้าที่การงานของเขาที่เป็นที่ปรึกษามาโดยตลอด อีกทั้งเขายังทำงานในสภาเศรษฐกิจฯ ในช่วงที่สหรัฐฯ ทำการปฏิรูปภาคการเงินในยุคของประธานาธิบดีคลินตัน นอกจากนี้เขายังมีบทบาทช่วยผลักดันกฎหมายลดภาษีมูลค่า 858,000 ล้านดอลลาร์จนผ่านมติรัฐสภาเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่แหล่งข่าววงในแหล่งหนึ่ง ระบุว่า ประธานาธิบดีโอบามากำลังใคร่ครวญที่จะดึงวิลเลียม แดลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเจพี มอร์แกน เชส ให้มารับตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงภายในทำเนียบขาวด้วย และมีความเป็นไปได้สูงที่ตำแหน่งนั้นก็คือประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
เป็นที่วิเคราะห์กันว่า หากแดลีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในสมัยของรัฐบาลคลินตันได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวจริง น่าจะสร้างความพึงพอใจให้แก่ภาคธุรกิจอเมริกันได้ เนื่องจากเขาจะเข้ามาอุดช่องโหว่ในรัฐบาลชุดนี้ในฐานะของตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมเอกชน หลังจากความพ่ายแพ้ของพรรคเดโมแครตของโอบามาในการเลือกตั้งกลางเทอม ทำให้ผู้นำสหรัฐฯ หันมาให้ความสำคัญกับการประสานรอยร้าวกับภาคธุรกิจเอกชนซึ่งมองกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ รวมถึงนโยบายอื่นๆ ของโอบามาว่าเป็นภาระให้แก่อุตสาหกรรมของตน
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับตำแหน่งสำคัญภายในคณะทำงานด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของทำเนียบขาวอีกด้วย โดยโอบามากำลังชั่งน้ำหนักที่จะขยับขยายบทบาทของรอน บลูม เจ้าของฉายาพระเจ้าซาร์แห่งวงการรถยนต์ให้มีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่กว้างขวางมากขึ้น นอกเหนือจากบทบาทของคณะทำงานชุดนี้ที่ปัจจุบันมุ่งเน้นตรวจสอบการปรับโครงสร้างองค์กรเจนเนอรัล มอเตอร์ส และไครสเลอร์ กรุ๊ป
ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายกันว่า การประกาศเสนอชื่อผู้อำนวยการเอ็นอีซีคนใหม่น่าจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ขณะที่ เยน ปซากี รองผู้อำนวยการด้านการสื่อสารแห่งทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีกำลังพิจารณาตัวเลือกที่มีคุณสมบัติจำนวนหนึ่ง ทว่ายังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย หรือมีการติดต่อเสนองานแก่พวกเขาแต่อย่างใด
“สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การเฟ้นหาบุคคลที่ใช่สำหรับงานนี้ ผู้ซึ่งสามารถนำทีมในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนี้ได้” ปซากี กล่าว