เอเอฟพี - ประชาชนนับแสนคนในเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ หลังถูกลมพายุกระโชกแรงกระหน่ำ และมีลูกเห็บขนาดเท่าลูกกอล์ฟตกกระจายทั่วไปในวันนี้ (23) ทั้งยังเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วม และดินถล่ม อาคารบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก
โคลิน บาร์เน็ตต์ นายกฯ รัฐเวสต์เทิร์นออสเตรเลีย ประเมินความเสียหายจากสภาพอากาศแปรปรวนที่กระหน่ำเมือง ในช่วงดึกคืนวันจันทร์ (22) ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การเดินทางทั้งทางบก และทางอากาศหยุดชะงัก อาจมีมูลค่าสูงหลายร้อยล้านดอลลาร์ทีเดียว
ชาวเมืองหลายพันคนโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินอย่างไม่หยุดหย่อน เนื่องจากต้นไม้หลายต้นล้มทับสายไฟฟ้าจนทำให้กระแสไฟฟ้าขัดข้อง ซ้ำยังล้มฟาดบ้านเรือนเสียหายหลายหลัง โรงพยาบาลน้ำท่วม และบางโรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอน ในวาตภัยที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปีครั้งนี้
“ผมคิดว่าจากความทรงจำของผมนี่อาจเป็นสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดที่เราเคยประสบมานับตั้งแต่พายุเมย์ในปี 1994 ซึ่งมีลมพายุรุนแรงมากๆ และขาดไฟฟ้าใช้ในบริวเณกว้าง” บาร์เน็ตต์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี โดยว่า “โชคดีที่ความเสียหายต่อแห่งพลังงานไฟฟ้าไม่รุนแรงขนาดนั้น แต่ผมคาดว่าเวลานี้เราได้รับความเสียหายในอาคารบ้านเรือนต่างๆ มากกว่าครั้งนั้น”
ทั้งนี้ บ้านเรือนกว่า 160,000 หลังต้องไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ในช่วงลมพายุกระหน่ำหนักสุด ด้วยกำลังลม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีฝนตกหนักเกือบ 40 มิลลิเมตร ผู้ป่วยราว 20 คนต้องอพยพออกจากห้องไอซียูของโรงพยาบาล เนื่องจากเพดานพังลงมา ขณะที่มีดินถล่มใกล้กับศูนย์กลางเมือง ทำให้รถที่จอดอยู่ 2 คัน และอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งจมอยู่ใต้โคลน
นอกจากนี้ ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าลูกกอล์ฟยังตกลงมากระแทกกระจกรถยนต์เสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่สภาพการขับขี่เป็นอันตรายเลวร้ายลงเรื่อยๆ เมื่อสัญญาณไฟจราจรใช้การไม่ได้ 150 แห่ง อาคารสำนักงานบางแห่งก็ต้องอพยพคนออกเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม พยากรณ์อากาศระบุว่า อาจมีพายุอีกหลายลูกพัดถล่มออสเตรเลียอีกในวันนี้ หลังจากสภาพอากาศแปรปรวนในหน้าร้อนของเมืองเพิร์ธ ที่แห้งแล้งทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีฝนตกน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์เพียง 0.2 มิลลิเมตร ในเดือนธันวาคม มกราคม และกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในวันอาทิตย์ (21) พายุไซโคลนระดับ 2 ยังได้พัดถล่มชายฝั่งเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ทางตะวันออกของแดนจิงโจ้ พัดต้นไม้ล้มระเนระนาด บ้านเรือน และเรือได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากด้วย
