เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เผย วอชิงตันให้เงินรางวัลมากกว่า 107,000 ล้านดอลลาร์แก่บริษัทต่างชาติ และบริษัทอเมริกัน ที่ทำธุรกิจในอิหร่าน แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการลงโทษเตหะรานอยู่ก็ตาม
นิวยอร์กไทมส์ ได้รวบรวมตัวเลขจากการวิเคราะห์ทางสถิติของภาครัฐบาล และภาคธุรกิจ โดยระบุว่า ยอดเงินจำนวนดังกล่าว รวมถึงเงินเกือบ 15,000 ล้านดอลลาร์ ที่จ่ายให้กับบริษัทหลายแห่ง ซึ่งละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ด้วยการลงทุนมหาศาลเพื่อช่วยเหลืออิหร่านในการพัฒนาทรัพยากรน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ
ขณะที่ทั้งประธานาธิบดี บารัค โอบามา และอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้มีท่าทีผสมปนเปถึงบริษัทต่างๆ หากคิดจะทำธุรกิจกับอิหร่าน แต่รัฐบาลของพวกเขาก็ให้ค่าตอบแทนแก่บริษัท ที่มีผลประโยชน์ทางการค้าขัดแย้งกับเป้าหมายด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวเสริม
ไทมส์ ยังระบุว่า เงินจำนวนมากกว่า 2 ใน 3 ของรัฐบาลนั้นหมดไปกับบริษัทต่างๆ ที่ทำธุรกิจในอุตสาหกรรมพลังงานของอิหร่าน ซึ่งเป็นแหล่งที่มาสำคัญในอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม และกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ก็ยังเป็นเป้าหมายหลักอันดับต้นๆ ในมาตรการลงโทษของรัฐบาลโอบามา เนื่องจากมีส่วนเชื่อมโยงกับโครงการนิวเคลียร์ และขีปนาวุธของเตหะรานด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิต และการจำหน่ายอีกเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ เงินที่รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายไปนั้น ยังรวมถึงการเซ็นสัญญามูลค่า 102,000 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 2000 และอีกเกือบ 4,500 ล้านในการกู้ยืมเงิน และค้ำประกันจากธนาคารนำเข้า-ส่งออก โดยอีก 500 ล้านถูกจ่ายไปในโครงการวิจัยมะเร็ง และการแปลงสินค้าเกษตรเป็นเชื้อเพลิง นิวยอร์กไทมส์เสริม
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทน้ำมัน และก๊าซ ที่ทำธุรกิจในอิหร่านหลายแห่งยังได้สัปทานแท่นขุดเจาะน้ำมันกำไรงามทั้งนอกชายฝั่ง และบนแผ่นดินใหญ่ เกือบ 14 ล้านเอเคอร์
ในจำนวนบริษัทต่างชาติที่ระบุในรายงานข่าวชิ้นนี้ ได้แก่ แดลิม อินดัสเทรียล บริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่แดนโสมขาว บริษัทน้ำมันโรยัล ดัชต์ เชลล์ และปิโตรบลาส บริษัทด้านพลังงานที่มีรัฐบาลบราซิลดูแลอยู่ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี รัฐบาลห้ามไม่ให้บริษัทอเมริกันทำการค้าทุกประเภทกับอิหร่าน