เอเอฟพี - วิคเตอร์ ยานูโกวิช ประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครนเมื่อวันอังคาร(2) มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลของตนเองแล้ว หลังรัฐสภาที่ยึดครองเสียงส่วนใหญ่โดยนายกรัฐมนตรีหญิงยูเลีย ติมอเชงโก มีอันต้องล่มสลาย ตามหลังการแปรพักต์ของ ส.ส.พรรครัฐบาลบางคน
ก่อนหน้านี้ ติมอเชงโก ซึ่งพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีแก่ ยานูโกวิช อย่างฉิวเฉียดเมื่อเดือนที่แล้ว ยังสามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาเหนือพรรครีเจียนของยานูโกวิชและยึดครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้เสียงส่วนใหญของเธอมีอันต้องล่มลายลง หลังจาก ส.ส.จำนวนหนึ่งจากพรรคการเมืองขนาดเล็กเกิดแปรพักต์ตามหลังความพ่ายแพ่ศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ของเธอ
"ณ วันนี้ ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลในรัฐสภาแล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอประกาศว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้สิ้นสุดลงแล้ว" ประธานรัฐสภายูเครนกล่าว และจากคำแถลงนี้ นั่นหมายความว่าตามรัฐธรรมนูญ แกนนำพรรคการเมืองในยูเครนมีเวลา 30 วันสำหรับจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ แต่หากล้มเหลว ยานูโกวิช สามารถใช้อำนาจของเขายุบสภาและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เวลานี้ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาที่จะเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อประธานาธิบดี ด้วยเหตุนี้หากพรรครีเจียน สามารถรวบรวมเสียงพรรคเล็กและจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ ท้ายที่สุด ติมอเชงโก ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งไป
ด้าน ติมอเชงโก แสดงปฏิกิริยาโกรธกริ้วต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องล่มสลาย โดยชี้ว่ามันเป็นหายนะแห่งป้อมปราการสุดท้ายที่คอยปกป้องชาวยูเครน พร้อมระบุว่าเมื่อใดที่ทราบชื่อผู้ที่แปพักต์แล้ว ยามนั้นจะเป็นที่ชัดเจนว่าใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเปิดทางแก่ยานูโกวิช จอมเผด็จการผู้ต่อต้านประชาชนชาวยูเครน
ส.ส.ผู้ข้ามฝาก ส่วนใหญ่นั้นมาจากพรรค Our Ukraine-People's Self Defence ซึ่งส่วนหนึ่งสนับสนุนนางติมอเชงโก แต่ก็มีสมาชิกบางส่วนที่ภักดีต่อคู่อริของเธอคือนายยานูโกวิชเช่นกัน
ทั้งนี้แกนนำพรรคของติมอเชิงโก บอกว่ารัฐบาลจะสละเก้าอี้อย่างนุ่มนวลหากว่า ยานูโกวิช สามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ 226 เสียงสำหรับผู้ที่ได้รับเสนอชื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
สื่อมวลชนยูเครนคาดคะเนว่าหาก ยานูโกวิช สามารถเขี่ย ติมอเชงโก พ้นจากตำแหน่งได้ เขาจะผลักดันนายมีโคลา อะซารอฟ พันธมิตรใกล้ชิดและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรครีเจียนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตามความพยายามของเขาอาจถูกโน้มน้าวจากบุคคลสำคัญนอกพรรคที่มีเสียงเรียกร้องอย่างกว้างขวางให้พิจารณามอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแก่นักการเมืองคนหนุ่มอย่างนายเซอร์เก ทิกิปโคและนายอาร์เซนี ยัตเซนิอุค ซึ่งคว้าอันดับ 3 และ 4 ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีตามลำดับ