เอเอฟพี - แม้ว่าชาวชิลีจะคุ้นเคยกับอาการของปรากฏการณ์แผ่นดินไหวเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกตื่นตระหนกกับแรงสั่นสะเทือนรุนแรงระดับ 8.8 ซึ่งเขย่าทั่วเมืองหลวงซันติอาโก เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ (27) จนพวกเขาจำนวนมากพากันวิ่งแตกตื่นออกจากบ้านเรือนทั้งๆ ที่ยังสวมชุดนอนกันอยู่
“เป็นประสบการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตเลย” เซบาสเตียน หนุ่มวัย 22 เล่าขณะยืนอยู่นอกบ้านในพื้นที่ย่านตะวันออกของกรุงซันติอาโก เขาและเพื่อนบ้านวิ่งหลบหนีออกจากที่พำนัก หลังจากแผ่นดินเริ่มไหวสั่นเมื่อเวลาตี 3.34 น. (ตรงกับ 13.34 น.เวลาเมืองไทย) และมีแรงสะเทือนต่อเนื่องถึงเกือบสองนาที
ในเวลาต่อมามีการยืนยันแล้วว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นใต้ทะเลนอกชายฝั่งภาคกลางของชิลี โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 300 คน มีคนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2 ล้านคน อาคารบ้านเรือนจำนวนมากพังทลาย และเกิดคลื่นสึนามิเคลื่อนที่ไปทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก
ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งรายงานว่าอาคารบ้านเรือน “เขย่าเหมือนกับเป็นก้อนเจลลี” ส่วนสถานีโทรทัศน์ก็เผยแพร่ภาพพื้นที่ภาคกลางของชิลี ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารที่พังล้มลงมา รถยนต์ตีลังกาอยู่บนถนนแตกร้าว และสะพานขาด
รถยนต์บางคันยังแขวนห้อยอยู่บนสะพานลอยดูน่าหวาดเสียว ส่วนท้องถนนมีซากเศษสิ่งปรักหักพังอยู่ทั่วไป โดยมีสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้นซ้ำเติมอยู่เรื่อยๆ คืออาฟเตอร์ช็อกอีกหลายสิบครั้งตลอดวันเสาร์
สถานที่สำคัญอย่างเช่น สถาบันวิจิตรศิลป์ ในกรุงซันติอาโก มีเศษชิ้นส่วนอาคารต่างๆ ตกลงมากองระเกะระกะ ส่วนท่าอากาศนานาชาติต้องปิดทำการ เนื่องจากอาคารผู้โดยสารได้รับความเสียหายใหญ่
ทว่าก็มีรถบุลโดเซอร์เริ่มออกเก็บกวาดทำความสะอาดท้องถนนต่างๆ ตั้งแต่รุ่งเช้า ทั้งนี้เนื่องจากชิลีเคยเผชิญกับแผ่นดินไหวมานาน และมีแผนรับมืออย่างดี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแตกต่างถึงขนาดเป็นตรงกันข้าม กับสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่เฮติเมื่อเร็วๆ นี้ กล่าวคือ เฮติไม่มีแผนรับมือภัยพิบัติ ขาดแคลนอุปกรณ์เก็บกวาดสิ่งกีดขวางบนถนน และต้องทิ้งให้ประชาชนนับล้านไร้ที่อยู่อาศัย
“ทุกคนปลอดภัยดีไหม?” เพื่อนบ้านถามทุกข์สุขกันและกันทั้งน้ำตา ในขณะที่ยังรู้สึกไม่เชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไร
อย่างไรก็ตาม สายไฟฟ้าขาดและไฟฟ้าดับยังคงทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
“มันน่ากลัวมากเลย ปูนหล่นลงมาจากเพดาน พวกสุนัขร้องโหยหวนกันใหญ่” มาเรน แอนเดรีย จิเมเนซ ผู้เชี่ยวชาญด้านประชากรศึกษาของสหประชาชาติ ซึ่งอาศัยอยู่ในซันติอาโกได้ราวสามปีเล่า
จิเมเนซบอกว่านอกจากชาวเมืองจะถูกปลุกให้ตื่นจากหลับไหลเพราะแรงเขย่าของแผ่นดินแล้ว ยังมีพวกนักเที่ยวราตรีอีกหลายร้อยที่ตะเกียกตะกายออกมาจากบาร์ต่างๆ บนถนน มีเศษแก้วจากหน้าต่างร้านค้าต่างๆ กระจายไปทั่ว
“ผมวิ่งออกมาก็เห็นทุกคนยังเมามายกันอยู่ และตลอดเวลาช่วงนั้น พื้นดินก็ยังสั่นไหวไม่ได้หยุด”
กระนั้นก็ตาม หากดูจากภายนอก บ้านเรือนส่วนใหญ่ภายในเมืองหลวงซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 325 กิโลเมตร ดูเหมือนไม่มีความเสียหายเท่าไร ถึงแม้ภายในจะปรากฏหลักฐานที่แสดงให้เห็นการถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่ตกลงมากระจัดกระจาย ข้าวของต่างๆ แตกเสียหายอยู่บนพื้น และรอยแยกเป็นแนวตามกำแพงต่างๆ
รัฐบาลชิลีระบุว่า ซันติอาโกและประชาชนราวหกล้านคนรับมือกับเหตุแผ่นดินไหวได้ค่อนข้างดีทีเดียว แม้ว่าจะมีโบสถ์ใหญ่หลายแห่งได้รับความเสียหายมาก
ทว่า ตามเมืองต่างๆ ในบริเวณศูนย์กลางแผ่นดินไหว ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และยังขาดการติดต่อกับส่วนกลาง
