เอเอฟพี - หอคอยยอดแหลมบนมัสยิดแห่งหนึ่งกลางประเทศโมร็อกโกถล่มลงมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 41 คน บาดเจ็บอีก 76 คน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า โศกนาฏกกรรมนี้เกิดขึ้นเพราะขาดการบำรุงรักษามัสยิดยุคศตวรรษที่ 18 แห่งนี้
หอคอยยอดแหลม หรือมินาเรต์บนมัสยิดบาบ บาดียินน์ แห่งเมืองเมกเนส เมืองที่มีประวัติศาตร์อันเก่าแก่ของโมร็อกโก ถล่มลงมาขณะที่ชาวมุสลิมจำนวนมากกำลังทำพิธีละหมาด เมื่อวันศุกร์(19) เจ้าหน้าที่กู้ภัยยุติการค้นหาเมื่อเวลาเที่ยงวัน หลังจากพบศพผู้เสียชีวิตใต้ซากปรักหักพัง 41 ศพ ท่ามกลางกลิ่นฝุ่นฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางการท้องถิ่นสั่งปิดกั้นช่องทางเข้ามัสยิดต่อไป เพราะเกรงว่าพนังอาคารจะถล่มลงมาอีก ขณะที่ในเวลาเดียวกันนี้ กษัตริย์โมฮัมหมัดที่ 6แห่งโมร็อกโก ทรงมีพระบรมราชโองการให้ทำการประเมินสภาพมัสยิดเก่าแก่ทุกแห่งทั่วประเทศอย่างเร่งด่วน ตามแถลงการณ์ของกระทรวงมหาดไทย
ชาวบ้านจำนวนมากโทษว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฝนที่ตกหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมาในโมร็อกโก โดยระบุว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้พลีชีพตามพระประสงค์ของพระอัลเลาะห์ อย่างไรก็ตาม ประชาชนบางส่วนเห็นว่า มัสยิดถล่มลงมาเพราะขาดการบำรุงรักษา เพราะมัสยิดแห่งนี้ยังไม่ได้รับการปฏิสังขรณ์เหมือนกันสถานที่สำคัญอื่นๆ ของประเทศ
ยูเนส เชกเกอร์ นักเคลื่อนไหวในท้องถิ่น ระบุว่า มัสยิดบาบบาดียินน์ อยู่ในรายชื่ออาคาร 520 แห่งที่จำเป็นต้องได้รับการบูรณะทันที ตามการสำรวจของเทศบาลท้องถิ่น
"เกิดอะไรขึ้นกับงบประมาณที่ทำให้งานนี้ถูกพักไปก่อนล่ะ" เชกเกอร์ตั้งคำถาม ขณะที่ชาวบ้านอีกคนตัดพ้อเจ้าหน้าที่รัฐที่พวกเขาเลือกเข้ามาทำหน้าที่
เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากโมร็อกโกเผชิญกับฝนตกหนักมานานแล้วหลายสัปดาห์ ทำให้เกิดน้ำท่วม คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วหลายคน ถนนหนทางถูกตัดขาด ขณะที่ผลผลิตทางการเกษตรก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักทั้งในทางเหนือและและทางใต้ของประเทศ