ปธน.ราชปักษา ชนะเลือกตั้งศรีลังกา เหนืออดีตนายพลคู่ใจ

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีมหินทา ราชปักษา เตรียมประกาศชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีศรีลังกาเป็นสมัยที่สอง ขณะที่กองทัพระดมกำลังล้อมโรงแรมที่พักของพล.ท สารัต ฟอลเซกา คู่แข่งจากพรรคฝ่านค้าน ซึ่งเรียกร้องให้ต่างชาติประกันความปลอดภัยแก่เขา


ผลการนับคะแนนไปเกือบร้อยละ 85 ปรากฏว่า ประธานาธิบดีราชปักษา วัย 64 ปี ได้คะแนนมากกว่าร้อยละ 50 แล้ว จากคะแนนเสียงทั้งหมด 9.84 ล้านเสียง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรก นับตั้งแต่รัฐบาลศรีลังกาปราบปรามกลุ่มพยัคฆ์ปลดแอกแห่งทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam หรือ LTTE) ได้สำเร็จ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ปิดฉากการสู้รบกันยาวนานร่วม 30 ปี

พล.ท ฟอลเซกา เป็นแม่ทัพที่ช่วยประธานาธิบดีราชปักษาเข้าบดขยี้พวกกบฏทมิฬ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา กลับกลายเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และในที่สุดก็ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับเขาในการเลือกตั้งครั้งนี้

ขณะที่การนับคะแนนยังดำเนินต่อไป เอเอฟพีรายงานว่า ทหารถึง 80 คนพร้อมปืนกลได้บุกล้อมโรงแรมหรูที่อดีตผู้บัญชาการกองทัพฟอลเซกาอยู่พร้อมกับบรรดาแกนนำฝ่ายค้านคนอื่นๆ โฆษกกองทัพศรีลังการะบุว่า กองส่งทหารไปประจำการ เนื่องจากได้รับข้อมูลว่า มีทหารหนีทัพราว 400 คน รวมตัวอยู่ในนั้น

ด้านโฆษกพรรคฝ่ายค้าน มโน กาเนชัน ระบุว่า การกระทำนี้เป็นการคุกคามผู้สมัครจากพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งพวกเขาจะขอให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้าช่วยประกันความปลอดภัยให้พล.ฟอลเซกา

"ผมกำลังจะไปพบทูตของประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ช่วยประกันความปลอดภัยแก่พล.ท.ฟอลเซกา" กาเนชัน กล่าว ซึ่งดูจะหมายถึงอินเดีย ขณะที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลศรีลังกากล่าวว่หา ว่า พล.ท. ฟอลเซกาพยายามจัดตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมา ซึ่งฝ่ายค้านปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

ด้านพล.ท.ฟอลเซกา กล่าวว่า เขาเกรงว่ากองทัพกำลังวางแผนจับกุมตัวเขา หากเขาชนะการเลือกตั้ง ซึ่งแน่นอนว่า รัฐบาลศรีลังหาปฏิเสธ

การหาเสียงโจมตีกันและกันอย่างเผ็ดร้อน ความบาดหมางระหว่างผู้สมัครทั้งสอง ตลอดจนต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่าพยายามก่อรัฐประหาร โหมให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะมีเสียงคัดค้านท้าทายผลการเลือกตั้งคราวนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน ทั้งยังอาจจะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นมาอีก

เมื่อเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดีราชปักษา และพล.ท.ฟอลเซกา ช่วยกันกำจัดกบฏทมิฬ์ที่เรียกร้องดินแดนปกครองตนเองมาตั้งแต่ปี 1972 แต่ในเวลาต่อมา พันธมิตรใกล้ชิดบนสนามรบคู่นี้ กลับกลายเป็นสัตรูที่ไม่อาจจะรอมชอมกันได้ หลังจากพล.ท.ฟอลเซกา วัย 59 ปีตัดสินใจหันมาเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ และลงชิงชัยในการเลือกตั้ง โดยชูนโยบายต่อต้านการคอรรัปชั่นของรัฐบาลราชปักษา

ฝ่ายค้านระบุว่า มีการละเมิดกระบวนการเลือกตั้ง ตั้งแต่การเลือกตั้งยังไม่ได้เริ่มขึ้น มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 4 คนและมีเหตุการณ์ไม่สงบเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งกว่า 1,000 เหตุที่แจ้งต่อตำรวจ ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง เมื่อวานนี้(26) ขณะที่ในวันเลือกตั้งเกิดเหตุความรุนแรงหลายครั้ง รวมถึงเหตุระเบิดโจมตีในเมืองจาฟนา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพวกกบฏทมิฬในทางเหนือของประเทศ ซึ่งผู้สังเหตุการณ์การเลือกตั้งระบุว่า ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่ออกมาใช้สิทธิ์

ทั้งนี้ ชัยชนะเหนือกบฏทมิฬ ทำให้ประธานาธิบดีราชปักษา และพล.ท. ฟอลเซกา ได้รับยกย่องเยี่ยงวีรบุรุษในสังคมของชาวสิงหล แต่ชัยชนะนี้มัวหม่นจากการกล่าวหาว่าสงครามของอาชญากร ซึ่งองค์การสหประชาชาติระบุว่า มีชาวทมิฬถึง 7,000 คน เสียชีวิตในเดือนสุดท้ายของการสู้รบ แม้ว่ารัฐบาลศรีลังกาจะปฏิเศธ

ราชปักษา เข้าบริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 2005 พี่น้องผู้ชายของเขา 3 คน ตลอดจนสมาชิกครอบครัวคนอื่นล้วนมีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม และกระทรวงการท่าเรือด้วย