เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - นครเมลเบิร์น เมืองของออสเตรเลีย เผชิญกับค่ำคืนที่ร้อนอบอ้าวที่สุดนับตั้งแต่ 1902 ด้วยอุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ตรงกันข้ามกับทวีปยุโรปที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหิมะ
ประชาชนหลายล้านคนต่างพากันนอนไม่หลับและลุกขึ้นมารวมตัวกันตามร้านไอศครีม บ้างก็ออกมาเดินเล่นตามชายหาดและลงเล่นน้ำกลางดึกเพื่อดับร้อนในเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของออสเตรเลีย หลังจากอากาศอันร้อนตับแตกนี้ถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาไฟดับในบางพื้นที่
"มันน่าจะเป็นค่ำคืนที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ในออสเตรเลีย" แอดรูว์ เจฟเฟอร์สัน นักอุตุนิยมวิทยาจากบัลลารัต ทางตะวันตกของเมลเบิร์น ซึ่งอพยพมาจากอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2001 กล่าว
บ้านเรือนราษฎรหลายพันหลังต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้า หลังสภาพอากาศร้อนจัดทำให้เกิดไฟฟ้าขัดข้อง ขณะที่ปัญหานี้ยังส่งผลต่อการจรจาจร โดยรถไฟหลายร้อยขบวนต้องยกเลิกในวันจันทร์(11) ก่อความเดือดดาลแก่นักเดินทางจำนวนมาก
อากาศที่ร้อนระอุในเมลเบิร์น มีขึ้นท่ามกลางคลื่นความเย็นจากอาร์กติกเล่นงานหลายประเทศในยุโรป โดยเมืองเซบีญา ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคใต้ของสเปน ซึ่งปกติแล้วในเดือนมกราคม อุณหภูมิจะอยู่ที่ราว 15 องศาเซลเซียส ทว่าเมื่อวันจันทร์(11) กลับต้องเผชิญกับหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี
ขณะเดียวกันเที่ยวบินมากกว่า 160 ไฟลต์ถูกยกเลิก ณ สนามบินมาดริด-บาราคัส ส่วนเพื่อนประเทศบ้านอย่างโปรตุเกส ต้องประสบกัญหาในการจัดการกับภาวะหิมะตกหนักซึ่งเป็นสาเหตุให้ถนนหลายหลักราว 50 สายต้องปิดห้ามสัญจรไปมา ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องค้างคืนอยู่ในยานพาหนะของตนเอง
ณ สนามบินแฟร้งค์เฟิร์ต ท่าอากาศยานซึ่งคนพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป มีอันต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 320 เที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ และเพิ่มเติมอีก 15 เที่ยวเมื่อวันจันทร์(11) ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่าผู้โดยสารอาจต้องเผชิญปัญหาเพิ่มเติม สืบเนื่องจากการจราจรทางอากาศคืนสู่ภาวะปกติอย่างอืดอาด
ส่วนในอังกฤษ ท้องถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะที่ตกลงมาโปรยปรายก็ทำลายความพยายามที่นำการสัญจรคืนสู่ประเทศ ด้วยรถไฟยูโรสตาร์ที่แล่นระหว่างลอนดอน ปารีสและบรัสเซลล์ ต้องให้บริการอย่างจำกัดอีกครั้ง