เอเจนซี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 วันเมื่อวันอังคาร(15) ทะยานเหนือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง หลังนักลงทุนกะเก็งว่าสต๊อกน้ำมันดิบมะกันในสัปดาห์ที่แล้วน่าจะลดลงและอากาศที่เย็นกว่าปกติจะเป็นผลดีต่ออุปสงค์น้ำมันทำความร้อน ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดในแดนลบจากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ลอนดอน เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 72.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดตลาดนิวยอร์ก ดีดตัวขึ้นจากสถิติร่วงลงติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001 ทั้งนี้ 9 วันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปิดในแดนลบรวมกันมากกว่า 11 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาน้ำมัน มีขึ้นหลังโพลของรอยเตอร์ได้สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ 13 คน พบว่าส่วนใหญ่คาดหมายว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะขยับลงราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากโรงกลั่นได้กลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นและยอดนำเข้าลดลง
ทั้งนี้ สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ จะเผยแพร่รายงานคลังน้ำมันสำรองของอเมริกาในช่วงค่ำวันอังคาร(15) ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของ สหรัฐฯ (อีไอเอ) จะแถลงข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงประจำสัปดาห์ในวันพุธ(16)
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(15) ปิดตัวในแดนลบ เหตุนักลงทุนเสียขวัญจากข่าวทางเศรษฐกิจอันผสมปนเป ระหว่างที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังประชุมนโยบายด้านการเงิน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 48.52 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,452.53 จุด แนสแดค ลดลง 11.05 จุด (0.50 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,201.05 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.07 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,108.04 จุด
ตลาดได้รับผลกระทบจากตัวเลขดัชนีราคาค้าปลีก ซึ่งสะท้อนภาวะเงินเฟ้อในเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้น 1.8% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
รายงานดังกล่าวได้เพิ่มความกังวลแก่เฟดที่อาจนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก่อนจะมีการประกาศนโยบายการเงิน ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิมต่อไป ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจทำให้เฟดต้องลดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ
