เอเอฟพี - รายงานของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เผย อุซามะห์ บิน ลาดิน แกนนำเครือข่ายอัลกออิดะห์ ตกอยู่ในกำมือของกองกำลังสหรัฐฯ แล้วเมื่อปลายปี 2001 และอาจจะจับกุมตัวเขาได้ ถ้าโดนัลด์ รัมส์เฟลด์ รัฐมนตรีกลาโหมในขณะนั้น ไม่ปฏิเสธข้อเรียกร้องขอกำลังทหารเพิ่ม
รายงาน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ (30) มีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้เรียนรู้บทเรียนจากอดีต ในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมประกาศขยายสงครามในอัฟกานิสถาน ที่ล่วงเลยมาเป็นปีที่ 9 ครั้งใหญ่ ด้วยการส่งกำลังทหารเพิ่มอีก 35,000 นาย
รายงานชี้ประเด็นไปที่รัมส์เฟลด์ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องขอกำลังทหารเพิ่ม ขณะที่บินลาดินติดกับอยู่ในถ้ำ และอุโมงค์ แถบเทือกเขาทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ที่ป็นที่รู้จักว่า โทรา โบรา
“ขบวนของกองกำลังทหารอเมริกันขนาดใหญ่ ตั้งแต่ทีมซุ่มยิง ตลอดจนกองพลเคลื่อนที่ของทหารเรือ และกองทัพ ถูกสั่งให้อยู่ข้างสนาม โดยคำสั่งของสหรัฐฯ เลือกที่จะใช้การโจมตีทางอากาศ และกลุ่มติดอาวุธอัฟกัน ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาแทน ในการโจมตีบินลาดิน และใช้หน่วยฟรอนเทียร์ คอร์ปส์ ที่รวบรวมกำลังอย่างหละหลวมของปากีสถาน ในการปิดเส้นทางหลบหนี”
วุฒิสมาชิกจอห์น แคร์รี ประธานคระกรรมการความสัมพันธ์ต่างประเทศของวุฒิสมาชิก มอบหมายให้จัดทำรายงานฉบับนี้ ในชื่อ “ทบทวนโทรา โบาราอีกครั้ง : เราล้มเหลวในการจับตัวบินลาเดนได้อย่างไร และทำไมมันจึงสำคัญนักในวันนี้”
ในรายงานเผยว่า บิน ลาดิน น่าจะต้องตาย ทว่า เขากลับมีชีวิตอยู่เพื่อสู้ต่อมาได้อีก ขณะที่มีหน่วยคอมมานโดของอเมริกันน้อยกว่า 100 นายอยู่ในสถานที่นั้น พร้อมพันธมิตรอัฟกัน และข้อเรียกร้องขอทหารเพิ่ม แต่กลับได้รับการปฏิเสธ
นอกจากนั้น ข้อเรียกร้องขอกองกำลังทหารสหรัฐฯ เพื่อสกัดกั้นเส้นทางบนภูเขา ที่มุ่งตรงไปสู่ที่หลบภัยของผู้นำอัลกออิดะห์ ซึ่งอยู่ห่างจากปากีสถานเพียงไม่กี่ไมล์ ก็ยังถูกปฏิเสธด้วย
“การตัดสินใจไม่ส่งกองกำลังอเมริกันไล่ล่าบินลาดิน หรือปิดกั้นทางหลบหนีของเขา เป็นการตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหม โดนัลด์ รัมส์เฟลด์ และผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา นายพล ทอมมี แฟรงส์” รายงานระบุ
ทั้งนี้ รัมส์เฟลด์ให้เหตุผลในเวลานั้นว่า การมีทหารสหรัฐฯ มากเกินไปอาจเป็นภัยต่อภารกิจดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้เกิดกระแสต่อต้านสหรัฐฯ รุนแรง ในหมู่ชาวบ้านท้องถิ่น