ออสซี่เริ่มสอบสวนหาเหตุแท่นเจาะน้ำมัน “ปตท.สผ.” รั่วครั้งใหญ่

เอเอฟพี - ทางการออสเตรเลีย สั่งดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของน้ำมันรั่วไหลจากแท่นขุดเจาะของบริษัท ปตท.สผ.ลงสู่ทะเลติมอร์ บริเวณนอกชายฝั่งของแดนจิงโจ้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหายนภัยทางธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ

เดวิด บอร์ธวิค ข้าราชการพลเรือนชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเกษียณอายุแล้ว ได้รับการแต่งตั้งให้สอบสวนหาสาเหตุการรั่วไหลที่มาจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท พีทีทีอีพี ออสเตเลเชีย บริษัทลูกของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (พีทีทีอีพี) ในทะเลติมอร์ นานกว่า 10 สัปดาห์ และเกิดเพลิงลุกไหม้ ก่อนที่จะสามารถควบคุมได้ในวันอังคาร (3) ที่ผ่านมานี้

“ผมขอกล่าวเพียงว่า เราปรารถนาที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ และดำเนินมาตรการจำเป็นใดๆ เพื่อหยุดยั้งเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต” มาร์ติน เฟอร์กูสัน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากร และพลังงานของออสเตรเลีย กล่าว

การสอบสวนดังกล่าวจะมีอำนาจในการเรียกตัวพยาน หาหลักฐาน และบีบบังคับให้บริษัทต่างๆ มอบเอกสารให้เจ้าหน้าที่สอบสวน รวมถึงเสนอข้อแนะนำ เพื่อระงับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ บริษัท พีทีทีอีพี ได้เตือนว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 7 ปี ในการติดตามทำความสะอาดคราบน้ำมันจำนวนมากที่รั่วไหลจากแท่นขุดเจาะของบริษัท บริเวณนอกชายฝั่งแดนจิงโจ้

ทั้งนี้ น้ำมันจำนวนเกือบ 28,000 บาร์เรล ทะลักลงสู่ทะเลติมอร์ หลังแท่นขุดเจาะน้ำมัน “เวสต์ แอตลาส” ที่ขุดเจาะน้ำมันจากแหล่งมอนทารา ของพีทีทีอีพี เริ่มเกิดการรั่วไหล ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม โดยมีความพยายามหลายครั้งเพื่ออุดรอยรั่วดังกล่าว ด้วยการถมโคลนแล้วก็ตาม

ด้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้กล่าวโจมตีการรับมือเหตุน้ำมันรั่วของรัฐบาล ว่า ทำให้นก และสัตว์ทะเล บริเวณนอกชายฝั่งตอนเหนือของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เป็นอันตรายถึงชีวิต