เอเอฟพี - สำนักงานแรงงานญี่ปุ่นเผย ผู้จัดการหญิงร้านแมคโดนัลด์ในเมืองโยโกฮามา ซึ่งเสียชีวิตจากเลือดออกในสมองเป็นเหยื่อของ “คาโรชิ” ซึ่งหมายถึงการเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป
ผู้หญิงวัย 41 ปีคนนี้เป็นผู้จัดการร้านแมคโดนัลด์สาขาหนึ่งในจังหวัดโยโกฮามา ใกล้กับกรุงโตเกียว เธอทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมงในหนึ่งเดือน ก่อนจะล้มหมดสติในปี 2007 ระหว่างการไปฝึกอบรมที่สาขาอีกแห่ง และก็เสียชีวิตในอีก 3 ปีต่อมา โดยก่อนหน้านั้นเธอมีอาการเบื้องต้น เช่น ปวดหัว เป็นเวลาตลอด 3 สัปดาห์ก่อนจะล้มหมดสติ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเธอเริ่มป่วยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สำนักงานแรงงานที่ดูแลเขตโยโกฮามา ซึ่งเป็นผู้ตัดสินการจ่ายค่าชดเชยจากการทำงาน ระบุว่า งานที่เธอทำเป็นสาเหตุให้เธอล้มป่วย ทำให้ครอบครัวของเธอมีสิทธิ์จะได้รับเงินบำนาญจากรัฐ
ด้านบริษัท แมคโดนัลด์ โค (ญี่ปุ่น) ยังไม่ขอแสดงความเห็น โดยโฆษกของแมคโดนัลด์กล่าวเพียงว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางการ และยังไม่ได้ตัดสินใจทำอะไร
เอเอฟพีรายงานว่า ผู้หญิงคนนี้ทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมงต่อเดือนโดยเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนก่อนมีอาการป่วยระยะแรกๆ แม้ว่าจะได้รับฉีดวัคซีนไม่นานหลังจากเป็นลมหมดสติในเดือนตุลาคม แต่เธอก็เสียชีวิตในที่สุด ขณะที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมญี่ปุ่นจะสอบสวนอีกว่าการเสียชีวิตยของเธอเกิดจากการทำงานหนักเกินไปหรือไม่ และทำงานเกิน 80 ชั่วโมงทุกเดือนหรือมากกว่า ในช่วง 6 เดือนก่อนหมดสติหรือไม่ หรือ 100 ชั่วโมงในหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นหรือไม่ด้วย
ทั้งนี้ ตามสถิติของกระทรวงแรงงานปลาดิบพบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองหรือหัวใจล้มเหลว ซึ่งญี่ปุ่นจัดว่าเป็น “คาโรชิ” นั้น มีประมาณ 150 รายต่อปี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ ภาพลักษณ์ของแมคโดนัลด์เสื่อมเสียมาแล้ว โดยศาลในกรุงโตเกียวสั่งให้แม็คโดนัลด์จ่ายค่าชดเชยกว่า 70,000 ดอลลาร์ แก่พนักกงานคนหนึ่งซึ่งไม่ได้รับเงินจากการทำงานล่วงเวลามากหลายปีจากเแมคโดนัลด์ โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านระบุว่า บางทีเขาต้องทำงานมากล่วงเวลากว่า 100 ชั่วโมงต่อเดือนโดยที่ไม่ได้รับค่าแรงส่วนนี้
ทั้งนี้ กฎหมายแรงงานญี่ปุ่นไม่ได้กำหนดให้บริษัทต้องจ่ายค่าจ้างทำงานล่วงเวลาให้กับพนักงานระดับผู้จัดการแมคโดนัลด์โต้แย้งว่า หัวหน้าร้านมีส่วนในการตัดสินใจในระดับบริหารจัดการ แต่ศาลไม่รับฟังข้อโต้แย้งนี้
