เอเอฟพี - กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุในวันพุธ (7) ว่า ระเบิดยักษ์ "บังเกอร์ บัสเตอร์" ขนาด 30,000 ปอนด์ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา จะพร้อมใช้งานนำเข้าประจำการได้ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งจะเป็นการเสริมอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพให้กับสหรัฐฯ ท่ามกลางปัญหาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านซึ่งกำลังตึงเครียด
ระเบิดขนาดยักษ์หรือ "ซูเปอร์บอมบ์" ดังกล่าวผลิตขึ้นเพื่อใช้ทำลายอาคารหรือสิ่งก่อสร้างใต้ดินที่มีความแข็งแรงมากๆ เช่น โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านและเกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม เพนตากอนระบุว่าต้องการเร่งแผนการผลิตระเบิดชนิดนี้ และได้ร้องขอไปยังรัฐสภาให้จัดสรรเงินมาใช้ในโครงการดังกล่าวเร็วขึ้นกว่าเดิม
คองเกรสได้อนุมัติตามคำร้องขอดังกล่าวและในวันศุกร์ (2) ที่ผ่านมา เพนตากอนได้ว่าจ้างบริษัทแมคดอนแนลดักลาสให้เป็นผู้ปรับปรุงเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่น บี-2 ให้สามารถบรรทุกระเบิดยักษ์นี้ไปปฏิบัติการได้ โดยที่ภายในตัวระเบิดจะบรรจุวัตถุระเบิดในปริมาณถึง 5,300 ปอนด์
อย่างไรก็ตาม เลขานุการฝ่ายหนังสือพิมพ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บอกว่า การพัฒนาอาวุธดังกล่าวไม่ใช่เป็นการตอบโต้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เห็นกันว่าสภาพการณ์ในโลกปัจจุบันมีผู้ที่กำลังผลิตอาวุธนิวเคลียร์อยู่ สหรัฐฯ จึงเห็นว่าจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพด้านการทหารของตนขึ้นมา
เมื่อเดือนที่แล้ว รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ พูดว่าการใช้กำลังทหารเข้าโจมตีอิหร่านจะเป็นเพียง "การซื้อเวลา" และชะลอโครงการอาวุธนิวเคลียร์ออกไปได้ราว 1-3 ปี ส่วนอิหร่านก็ยอมรับในเวลาไล่เรี่ยกันว่ากำลังสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมแห่งใหม่ใกล้กับเมืองกุม ทำให้นานาชาติโกรธเคือง