เอเอฟพี/ เอเจนซี - รัฐบาลรักษากาลของฮอนดูรัสวานนี้ (29) ตามเวลาท้องถิ่น ถูกกดดันอย่างหนักหน่วงมากขึ้น ให้ยุติการริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนและไกล่เกลี่ยคลี่คลายวิกฤตการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อนานกว่า 3 เดือน หลังเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจประธานาธิบดีมานูเอล เซลายา
ประธานาธิบดีเซลายา ผู้นำฝ่ายซ้าย ซึ่งเป็นปรปักษ์กับสมาชิกรัฐสภาสายอนุรักษ์นิยมและบรรดาผู้นำนักธุรกิจ ถูกรัฐประหารยึดอำนาจและขับออกนอกประเทศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ลักลอบเดินทางกลับเข้าประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน และลี้ภัยอยู่ในสถานทูตบราซิลประจำกรุงเตกูซิกัลปา
โรเบร์โต มิเชเลตติ ผู้นำรัฐบาลรักษาการของฮอนดูรัส นอกจากจะออกคำสั่งจับกุมตัวเซลายาแล้ว ยังสั่งจำกัดสิทธิเสรีภาพของพลเรือน, สั่งปิดสื่อ 2 แห่งที่จงรักภักดีต่อเซลายา และขีดเส้นตายภายใน 10 วันให้สถานทูตบราซิลตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับประธานาธิบดีเซลายา มิเช่นนั้นจะสั่งปิดสถานทูต
มาตรการเข้มงวดเหล่านั้นถูกประณามอย่างกว้างขวางจากประชาคมโลก โดยบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติบอกกับมิเชเลตติวานนี้ (29) ให้ยุติการจำกัดสิทธิเสีภาพของประชาชนและเลิกข่มขู่สถานทูตบราซิล
“ผมวิตกกังวลอย่างมากกับสถานการณ์ความคืบหน้าในฮอนดูรัส ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเริ่มตึงเครียดมากขึ้น” บันคีมุนแถลงข่าวในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ “ผมเคยร้องขอความปลอดภัยของประธานาธิบดีเซลายา และเรียกร้องให้ผู้มีบทบาททางการเมืองทั้งหลายยอมรับการเจรจาและความพยายามในไกล่เกลี่ยอย่างจริงจัง”
ขณะที่บราซิลปฏิเสธเส้นตายของผู้นำรักษากาลของฮอนดูรัส พร้อมทั้งเรียกร้องนานาชาติเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลของมิเชเลตติให้ยอมคลี่คลายวิกฤตการเมือง ส่วนสหรัฐฯ เรียกร้องให้มิเชเลตติ ยกเลิกมาตรการภาวะฉุกเฉินต่างๆ
ด้านประธานาธิบดีเซลายาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาประท้วงการริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
“ผมขอให้ประชาชนออกมาประท้วงตามท้องถนน เพื่อเรียกร้องให้สถานีวิทยุ 2 แห่งที่ถูกปิด ออกอากาศใหม่อีครั้ง” เซลายากล่าว