เอเอฟพี - รัฐบาลเฉพาะกาลฮอนดูรัสเมื่อวันพฤหัสบดี(24) ยกเลิกประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ แต่ยังคงปิดล้อมสถานทูตบราซิลซึ่งอดีตประธานาธิบดีมานูเอล เซลานา ใช้ลี้ภัยท่ามกลางความพยายามทางการทูตครั้งใหม่เพื่อยุติวิกฤตนี้
เคอร์ฟิวถูกประกาศขึ้นหลังจาก เซลายา ลักลอบกลับเข้าประเทศเมื่อวันจันทร์(21) อันก่อความตึงเครียดอย่างสูงภายในชาติอเมริกากลางแห่งนี้ และเวลานี้เขาลี้ภัยอยู่ ณ สถานทูตบราซิล ในกรุงเตกูซิกัลปา พร้อมกับกลุ่มผู้สนับสนุนเขา
ตำรวจกล่าวว่ามีประชาชนเสียชีวิต 2 รายในเหตุประท้วงที่มีขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เมื่อวันจันทร์(21) ขณะที่กองกำลังความมั่นคงได้ยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมบริเวณด้านนอกของสถานทูตในช่วงค่ำวันพุธ(23)
แต่ทางการเปิดเผยว่าประชาชนจะได้รับอนุญาตให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกตินับตั้งแต่เวลา 6.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่สนามบินต่างๆก็จะกลับมาเปิดบริการในเวลาเดียวกัน รัฐบาลรักษาการณ์ระบุ
องค์การรัฐอเมริกัน(โอเอเอส) ระบุว่าเตรียมส่งคณะไกล่เกลี่ยชุดใหม่ไปยังฮอนดูรัสช่วงสุดสัปดาห์นี้ ในจำนวนนั้นรวมไปถึงคณะทูตที่ถอนตัวออกมาหลังจากเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 28 กันยายน หลังได้รับคำเชิญจากรัฐบาลเฉพาะกาลฮอนดูรัส
เซลายา บอกกับเอเอฟพีเมื่อวันพุธ(23) ว่าเขาหวังได้ "พูดคุยเป็นการส่วนตัว" กับ โรเบอร์โต มิเชเล็ตติ ผู้นำโดยพฤตินัยของฮอนดูรัสในประเด็นคืนตำแหน่งประธานาธิบดีให้แก่เขา ทว่า มิเชเล็ตติ ตอบกลับว่าจะยอมเจรจากับ เซลายา ก็ต่อเมื่ออดีตผู้นำรายนี้ยอมรับศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ แต่ เซลายา ปฏิเสธเพราะเชื่อว่านี่เป็นแผนลวงของรัฐบาลชั่วคราว
ขณะที่สหประชาชาติระงับการสนับสนุนทางเทคนิคต่อการเลือกตั้งดังกล่าว เนื่องจาก บัน คี มุน เลขาธิการยูเอ็น ไม่เชื่อว่า "ในสภาพปัจจุบันจะเหมาะสำหรับจัดการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือที่นำไปสู่เสถียรภาพและสันติภาพได้"
ทั้งนี้ เซลายา และ มิเชเลตติ ไม่ได้ลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่รัฐบาลรักษาการณ์จะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง เพื่อกีดกันให้ เซลายา อยู่ห่างออกไป
ประธานาธิบดีผู้ถูกขับไล่ ผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่ง ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่สถานทูตอีกหลายคนยังคงอยู่ด้านในสถานทูต หลังถูกทหารปิดล้อมมานานเกือบ 4 วัน แม้ว่าพวกเขากำลังขาดแคลนอาหาร ถูกตัดน้ำ ไฟและโทรศัพท์
ผู้สนับสนุนเซลายาบางส่วนที่อยู่ในสภาพอ่อนเพลียยังคงยืนอารักขา เดินตรวจตราตลอดทั้งคืน ด้วยความกังวลว่าทหารอาจจู่โจมเข้าไปยังอาคารสถานทูต แม้ว่ารัฐบาลของ มิเชเลตติ ยืนยันว่าจะไม่ใช้กำลังรุกร้ำเข้าไปก็ตาม