เอเอฟพี - ทีมนักดับเพลิงรุกคืบอย่างต่อเนื่องในการควบคุมไฟป่าที่ลุกลามในเคาน์ตีลอสแองเจลิส มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่หลายคนเตือนว่าไฟป่าอาจปะทุขึ้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง
สถานการณ์ไฟป่าครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเคาน์ตีลอสแอนเจลิส เป็นเหตุให้นักดับเพลิงเสียชีวิต 2 ราย บ้านเรือน 64 หลังถูกทำลาย และเผาผลาญพื้นที่กว่า 140,150 เอเคอร์ ทั้งนี้จากข้อมูลล่าสุด
อย่างไรก็ตาม วันพุธที่ผ่านมา (2) เป็นอีกวันหนึ่งที่อากาศมีความชื้นมากขึ้น ส่งผลให้นักดับเพลิงสามารถควบคุมไฟป่าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28 และทำให้ผู้อพยพราว 10,000 คน ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน
ไมค์ ดีทริช ผู้บัญชาการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมลรัฐแคลิฟอร์เนีย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ความพยายามในการดับเพลิงยังดำเนินด้วยความ “ยากลำบาก” และเปลวเพลิงอาจลุกลามไปยังที่ใหม่
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก” ดิทริชกล่าว “ในมุมหนึ่งผมมองการณ์แง่ดีอย่างมากจากความก้าวหน้าที่เราได้ทำในวันนี้ ขณะเดียวกัน ผมต้องระมัดระวังพอๆ กันว่า ไฟป่าอาจขยายวงกว้าง”
มีรายงานที่สับสนเกี่ยวกับสาเหตุของไฟป่าในครั้งนี้ ซึ่งปะทุขึ้นตั้งแต่วันพุธที่แล้ว (26) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแอนเจฃลิส
คาร์ตัน โจเซฟ รองผู้บัญชาการเหตุการณ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนเชื่อว่าเหตุไฟป่าน่าจะเกิดจากการกระทำของมนุษย์ ถ้าไม่ใช่การลอบวางเพลิงก็อุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมป่าไม้ของสหรัฐฯ จูดี นอร์ริน กล่าวในภายหลังว่า ยังไม่ทราบสาเหตุของไฟป่า
ด้าน อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ ผู้ว่าการมลรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่า มีกองไฟอยู่ 5 กองที่ยังคงลุกโชน โดยมีนักดับเพลิงเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 21 คน
มลรัฐแคลิฟอร์เนียเผชิญกับไฟป่าบ่อยครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้ง, กระแสลม และการสร้างที่พักอาศัยเติบโต โดยมีบางโครงการขยายอย่างรวดเร็วเข้าไปในเขตชนบทและพื้นที่ป่า
ในปี 2007 มลรัฐแห่งนี้เผชิญกับไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บ้านเรือนเสียหาย 2,000 หลัง ทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัย 640,000 คน และสร้างความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์