xs
xsm
sm
md
lg

ผลผลิตอุตฯ US-จีน-ยุโรป “สูง” ขึ้น บ่งชี้เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวสเปนไปขอให้รัฐช่วยหางานให้ที่สำนักงานในกรุงมาดริด
วอลสตรีทเจอร์นัลเอเชีย/เอเอฟพี - ตัวเลขผลผลิตทางอุตสาหกรรมของชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น ต่างปรับตัวดีขึ้นเป็นการบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจโลกได้เริ่มฟื้นตัวอย่างแท้จริงแล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ระบุ “ความต้องการของภาคเอกชน” จะต้องเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้เติบโต แทนการกระตุ้นจากภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา

ตัวเลขผลผลิตทางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ จีน และ ญี่ปุ่น ต่างปรับตัวดีขึ้นทั่วหน้า ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ทั้งนี้ จากการประกาศข้อมูลล่าสุดเมื่อวันอังคาร (1) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจเติบโตได้เร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้

ในสหรัฐฯ ภาคการผลิตมีการเติบโตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว โดยตัวเลขสำคัญที่สุดในด้านนี้ คือ ดัชนีอุตสาหกรรมการผลิตของ สถาบันเพื่อการบริหารจัดการซัปพลาย (ไอเอสเอ็ม) ได้เพิ่มขึ้นจาก 48.9 ในเดือนกรกฎาคมเป็น 52.9 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อใหม่ๆ ที่กระตุ้นให้ภาคอุตสาหกรรมต้องผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ในจีน ดัชนีทำนองเดียวกันที่เรียกว่า ดัชนีของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ได้เข้าสู่ภาวะขยายตัวก่อนประเทศอื่นๆ ในโลกตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นก็อยู่ในทิศทางสูงขึ้นโดยตลอด แต่ตัวเลขในวันอังคารที่ระบุว่าในเดือนสิงหาคมดัชนีนี้ขยายตัวถึงร้อยละ 54 ก็เป็นการเติบโตในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบมากกว่า 1 ปี นอกจากนั้น ยังมีแนวโน้มว่าจีนอาจมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 8 แม้ว่าการส่งออกของจีนจะลดลงถึงร้อยละ 22 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วก็ตาม

นอกจากนั้น การประกาศตัวเลขผลผลิตทางอุตสาหกรรมของยุโรปสัปดาห์นี้ ก็ส่งสัญญาณเชิงบวกเช่นเดียวกับในสหรัฐฯ และจีน โดยดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเขตยูโรโซนซึ่งมี 16 ประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็น 48.2 ในเดือนสิงหาคมจากระดับ 46.3 ในเดือนกรกฎาคม และถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดในรอบ 14 เดือน เช่นเดียวกับการประกาศตัวเลขผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคมซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9

ยอร์ก เดเครสซิน นักวิเคราะห์อาวุโสแห่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุเมื่อวันอังคาร (1) ว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าน่าจะขยายตัวได้เกือบถึงร้อยละ 3 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ให้ตัวเลขไว้ที่ร้อยละ 2.5 โดยทางไอเอ็มเอฟจะสรุปผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2010 ในรายงาน “World Economic Outlook” ฉบับใหม่ซึ่งจะออกเผยแพร่ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

อย่างไรก็ตาม เดเครสซิน ระบุว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะส่งสัญญาณของการฟื้นตัวแล้วแต่ต้องไม่ลืมว่าสาเหตุหลักของการกระเตื้องขึ้น เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ใช้นโยบาย ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมโหฬาร

เดเครสซิน ย้ำว่า นับจากนี้ความต้องการของภาคเอกชนในประเทศต่างๆ จะต้องเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แทนมาตรการกระตุ้นทางการเงินและการคลังจากภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา เพื่อประคับประคองให้เศรษฐกิจโลกที่เพิ่งฟื้นตัวสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ด้าน ฟิลิป ซุตเทิล หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจจากสถาบันไอไอเอฟ ซึ่งเป็นองค์กรของพวกธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลกทั้งหลาย ได้ออกมาระบุว่า ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ในขณะนี้บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้เริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงแล้ว แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอีกหลายประการที่ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกและอาจฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้กลับเข้าสู่ภาวะถดถอยได้อีกครั้ง ได้แก่ การพุ่งขึ้นอย่างปุบปับของภาวะเงินเฟ้อ, อัตราการว่างงานที่สูง และการที่ผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ยังไม่ต้องการจับจ่ายใช้สอยเนื่องจากยังไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น