เอเจนซี - วอลล์สตรีทปิดลบเมื่อวันพฤหัสบดี(6) หลังนักลงทุนระวังก่อนหน้ารัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขภาคแรงงาน ขณะที่การปรับลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ได้ฉุดให้ราคาน้ำมันกลับมาปิดในแดนลบเช่นกัน หลังทะยานขึ้นไปสูงสุดในรอบเดือนเศษ
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 3 เซ็นต์ ปิดที่ 71.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายทะยานขึ้นไปถึง 72.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ขณะที่เบรนท์ลอนดอน ลดลง 68 เซ็นต์ ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันที่ปรับลดครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการทรุดตัวของวอลล์สตรีท สืบเนื่องจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มโทรคมนาคมและเทคโนโลยีชีวภาพที่กัดเซาะความหวังของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การลดลงของราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ ทั้งนี้กรณีดอลลาร์แข็งค่าทำให้โภคภัณฑ์ราคาแพงขึ้น ซึ่งลดความน่าดึงดูดใจให้นักลงทุนเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไร
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี(6) ร่วงลงเล็กน้อย สืบเนื่องมาจากนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนก่อนหน้ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเปิดเผยรายงานด้านแรงงานในเดือนกรกฎาคม รวมถึงมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากขยับขึ้นต่อเนื่องมากหลายวัน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 24.71 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,256.26 จุด แนสแดค ลดลง 19.89 จุด (1.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,973.16 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 5.64 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 997.08 จุด
กระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลด้านการจ้างงานของเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ (7) ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดหมายว่าอัตราคนว่างงานจะเพิ่มขึ้นจาก 9.5 เปอร์เซ็นต์ของเดือนมิถุนายน เป็น 9.6 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดในรอบ 26 ปี