xs
xsm
sm
md
lg

โตโยต้า-BMWผลประกอบการดีกว่าคาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

BMW Z4 ในงานมอเตอร์โชว์ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
เอเจนซี/เอเอฟพี - ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลกอย่าง โตโยต้า และบีเอ็มดับเบิลยู เมื่อวันอังคาร(4)รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 แบบทำได้ดีเกินคาดหมาย แต่ต่างก็แถลงว่ายังต้องเฝ้าจับตาดูทิศทางของอุตสาหกรรมนี้อย่างรอบคอบ เพราะโดยรวมแล้วปริมาณความต้องการซื้อรถยังต่ำและผู้บริโภคก็ขาดแหล่งสินเชื่อที่จะนำมาใช้ซื้อรถ

ทั้งนี้โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากยอดขาย รายงานว่าในรอบไตรมาสระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ขาดทุนจากการดำเนินงาน 194,900 ล้านเยน (2,040 ล้านดอลลาร์) และขาดทุนสุทธิ 77,800 ล้านเยน ตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานแม้จะดีกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ แต่ก็เท่ากับบริษัทประสบการขาดทุนติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สามแล้ว

อย่างไรก็ตาม โตโยต้าได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขาดทุนจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีให้ต่ำลงกว่าเดิม โดยตลอดปีการเงินนี้ (เม.ย.09 - มี.ค.10) บริษัททำนายว่าจะขาดทุนจากการดำเนินงานรวม 750,000 ล้านเยน (7,900 ล้านดอลลาร์) และขาดทุนสุทธิราว 450,000 ล้านเยน ต่ำลงจากที่คาดการณ์เมื่อสามเดือนก่อนซึ่งให้ไว้ที่ 850,000 ล้านเยน และ 550,000 ล้านเยนตามลำดับ

ทาคาฮิโกะ อิจิชิ กรรมการอำนายการอาวุโสของโตโยต้าบอกว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่อาจคาดการณ์ปริมาณความต้องการรถยนต์นอกตลาดญี่ปุ่น ภายหลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเวลานี้ ที่สำคัญแล้วมาจากแผนการกระตุ้นของรัฐบาลหลายๆ ประเทศ

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เพิ่มคาดการณ์ยอดขายทั่วโลกอีก 100,000 คันเป็น 6.6 ล้านคัน โดยอิงอยู่กับยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในตลาดญี่ปุ่นเองซึ่งรัฐบาลจะใช้มาตรการจูงใจและยกเว้นภาษีให้กับรถยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงด้วย

ส่วนทางด้านค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ผู้ผลิตรถหรูของเยอรมนี แถลงว่าในไตรมาสสองของปีนี้ บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ 121 ล้านยูโร (174 ล้านดอลลาร์) ซึ่งดีกว่าที่คาดหมายกันไว้ แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ 76% กระนั้นก็เป็นการกลับขึ้นมาได้ภายหลังขาดทุนสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้ 152 ล้านยูโร

นอร์แบร์ก ไรต์โฮเฟอร์ ประธานของบีเอ็มดับเบิลยู ระบุในคำแถลงว่า ถึงแม้มีเครื่องบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจบางตัว ที่ส่งสัญญาณว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจน่าจะกระเตื้องขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ แต่บริษัท "ก็ยังคงต้องระมัดระวังตัว"
กำลังโหลดความคิดเห็น