เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันปรับลดเล็กน้อยในวันอังคาร(14) เหตุนักลงทุนกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามหลังข้อมูลด้านการบริโภคอันน่าผิดหวังของสหรัฐฯ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดในแดนบวก หลังผลประกอบการธนาคารยักษ์ใหญ่ของมะกันดีกว่าคาดหมาย
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 17 เซ็นต์ ปิดที่ 59.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ขยับขึ้น 17 เซนต์ ปิดที่ 60.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การร่วงลงของน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีขึ้นตามหลังข้อมูลที่แสดงถึงตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคมะกันในเดือนมิถุนายนอันน่าผิดหวัง เช่นเดียวกับราคาผู้ผลิตที่สูงขึ้นเกินความคาดหมายซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปิดในแดนลบยังเป็นผลมาจากแรงฉุดของแนวโน้มทางเศรษฐกิจ หลังองค์กรความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) คาดหมายว่าในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะมีคนตกงานถึง 30 ล้านตำแหน่งระหว่างช่วงสิ้นปี 2007 ถึงสิ้นปี 2010
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็มีสัญญาณอุปสงค์อันอ่อนแอในสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมาสเตอร์การ์ด สเปนดิ้งพัลส์ ระบุเมื่อวันอังคาร(14) ว่าการบริโภคน้ำมันเบนซินในวันหยุด 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้รถใช้ถนนสูงสุด ลดลงจากปีก่อนถึง 4.3 เปอร์เซ็นต์
ส่วนองค์การของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดหมายว่าอุปสงค์ของโลกต่อน้ำมันของกลุ่มโอเปกจะลดลง 380,000 บาร์เรลต่อวันเหลือ 28.11 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2010
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(14) ปิดบวกหลังได้อานิสงส์จากผลกำไรที่ขยายตัวเกินคาดหมายของโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ ที่ช่วยให้นักลงทุนมองข้ามข้อมูลทางเศรษฐกิจอันซึมเซา
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 27.81 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,359.49 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 6.52 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,799.73 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.79 จุด (0.53 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 905.84 จุด
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของตลาดมีขึ้นหลังจากโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 มีกำไรราว 3 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายและช่วยคลี่คลายความกังวลที่ว่าระบบการเงินกำลังล่มสลาย
ทั้งนี้ ตลาดยังแสดงปฏิกิริยาขานรับต่อข่าวตัวเลขยอดขายปลีกสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.6 เปอร์เซ็นต์ และขยับขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่ดีดตัวสูง
