เอเจนซี - ภาวะถดถอยไม่ระคายเคืองสปาทั่วอเมริกา มิหนำซ้ำมีรายงานว่าจำนวนผู้ใช้บริการตั้งแต่นวดจนถึงทำเล็บยังเพิ่มขึ้นทำสถิติ เนื่องจากหลายคนใช้เป็นวิธีบำบัดความเครียดจากวิกฤตการเงินโลก
ผลศึกษาของสมาคมสปาระหว่างประเทศระบุว่า ปีที่ผ่านมามีผู้แวะเวียนใช้บริการสปาในสหรัฐฯ ทั้งสิ้นกว่า 160 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเกือบ 16% ส่งผลให้รายได้ของอุตสาหกรรมนี้ขยายตัวเฉียด 18% เป็น 12,800 ล้านดอลลาร์
"อุตสาหกรรมสปามีเกราะคุ้มกันจากภาวะถดถอย แม้ปัญหาเศรษฐกิจกระทบต่อทุกคนในทุกวงการ แต่ก็สร้างความเครียดให้อย่างมาก และเรารู้ว่าเหตุผลอันดับ 1 ที่ทำให้คนเราไปสปากันก็คือเพื่อลดความเครียด" ลินน์ แม็กนีย์ ประธานสมาคมสปาระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่ในเคนตั๊กกี้ สหรัฐฯ กล่าว
ที่นิวยอร์ก สปาที่ให้บริการตกแต่งเล็บมือเล็บเท้าและนวด เกือบจะแพร่หลายดาษดื่นพอๆ กับแท็กซี่สีเหลืองของเมืองนี้
"ฉันไม่ได้ตัดงบทำเล็บมือเล็บเท้าเลย แต่อาจจะซื้อเสื้อผ้าน้อยลง เพราะถ้าฉันไม่ซื้อของใหญ่ๆ อย่างน้อยฉันก็ยังมีเงินบำรุงเล็บมือเล็บเท้าได้ต่อไป" แอชลีย์ แม็กอดัมส์ บรรณาธิการเว็บไซต์วัย 33 ปี บอก
"คนยังเข้าสปากันเพราะมองว่าเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพ" แม็กนีย์ สำทับ
แคร์รี แชสทีน ชาวแมนฮัตตันวัย 30 ปี ที่ทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบผลกระทบทางการแพทย์ให้แก่บริษัทเวชภัณฑ์แห่งหนึ่ง ชอบไปทำเล็บและนวดเพื่อคลายเครียด
"บางครั้งฉันบำบัดด้วยการชอปปิ้ง แต่ระยะหลังฉันชอบการบำบัดด้วยการเข้าสปามากกว่า เพราะรู้สึกว่ามีประโยชน์และผ่อนคลายมากกว่า"
แม้จำนวนผู้ใช้บริการในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่จำนวนสปาที่เพิ่มขึ้นถึง 19% เป็น 21,300 แห่ง ก็หมายความว่ารายได้ของสปาแต่ละแห่งหดตัวลง
ความที่มีสปาเปิดตัวขึ้นมาแข่งขันกันเองมากขึ้น บางแห่งจึงรู้สึกว่าสถานการณ์ยากลำบากกว่าเก่า ทั้งนี้ ตามนิยามของสมาคมสปาระหว่างประเทศนั้น สปาหมายถึงธุรกิจที่ให้บริการอย่างน้อยสองอย่างในบริการต่อไปนี้ ได้แก่ นวด การดูแลรักษาผิว และบอดี้ทรีทเมนต์
ปกติแล้วบ่ายวันอาทิตย์ในช่วงฤดูร้อนจะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าร้านแต่งเล็บ ติงค์พิงค์ ที่ให้บริการนวดตัวและนวดหน้าด้วย แน่นขนัดที่สุด แต่เกรซ ลี เจ้าของร้าน บ่นว่านับจากปีที่ผ่านมาธุรกิจตกลงไปราวๆ 30%
"เงียบมาก คนมักบอกว่าอุตสาหกรรมนี้ปลอดภัยจากภาวะถดถอย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันเจอ"
ร้านแต่งเล็บอีกแห่งกลางแมนฮัตตันที่เธอเป็นเจ้าของ สถานการณ์เลวร้ายน้อยกว่า โดยธุรกิจชะลอลงแค่ 15% "เพราะมีโรงแรมเยอะและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวก็มีสตางค์"
กระนั้น ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำไม่ได้เป็นข่าวร้ายเสียทีเดียวสำหรับลี เพราะเธอมีแผนเปิดสาขาใหม่ในย่านโซโหของแมนฮัตตัน หลังจากไปได้ที่ที่คิดค่าเช่าไม่แพงนัก
"คนมากมายอยากเปิดสปาที่นั่น แต่ค่าเช่าแพงบ้าเลือด โชคดีที่เจ้าของตึกที่ฉันไปติดต่ออยากปล่อยเช่าไวๆ เพราะตึกแถวนั้นปิดประกาศให้เช่ากันทั่ว นี่น่าจะเป็นโอกาสของฉัน เพราะฉันรู้ว่าอีกปีสองปีธุรกิจนี้จะฟื้นขึ้นมา"
ทั้งนี้ รายงานความมั่งคั่งโลกของเมอร์ริล ลินช์/แคปเจมิไนที่ออกมาปลายเดือนที่แล้ว ระบุว่าแม้ 40% ของเศรษฐีที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 ล้านขึ้นไป ลดการใช้จ่ายในการเดินทางและซื้อสินค้าหรู แต่อีกกว่า 50% บอกว่าจะเพิ่มงบเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เช่น การใช้บริการสปา
แต่สำหรับลอลา เคิร์ก นักศึกษาวัย 18 ปีในเวสต์ วิลเลจ การทำเล็บเป็น 'ความฟุ่มเฟือยที่เกินความจำเป็น'
"ฉันจะไปเฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่ครั้งนี้ที่ต้องมาทำเพราะเล็บเท้าฉันน่าเกลียดมาก บอกแล้วฉันจะมาเมื่อจำเป็นเท่านั้น"




