เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานชันสูตรศพลอสแองเจลิส ยืนยันเมื่อวันศุกร์ (26) ตามผลการชันสูตรเบื้องต้นไม่พบการทำผิดกฎหมายในเหตุเสียชีวิตของป๊อปสตาร์ ไมเคิล แจ็กสัน ขณะที่ตำรวจเร่งตามตัวหมอประจำตัว พยานคนสำคัญที่คาดหมายว่าอาจมีส่วนในการให้ยาเกินขนาด จนนำมาซึ่งเรื่องเศร้าของวงการเพลงครั้งนี้
เครก ฮาร์วีย์ โฆษกสำนักงานชันสูตรศพลอสแองเจลิส เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงสุดท้ายของการชันสูตรสพของ แจ็กสัน ไม่สามารถระบุได้จนกว่าผลตรวจทางพิษวิทยาจะได้รับการยืนยัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาราว 4-6 สัปดาห์--จากเดิมที่คาดหมายกันว่าอาจต้องใช้เวลา 6-8 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ฮาร์วีย์ กล่าวว่า จากการตรวจไม่พบบาดแผลตามร่างกายของแจ็กสัน หรือหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาถูกฆาตกรรม “ไม่มีบาดแผลภายนอก หรือเครื่องบ่งชี้ใดๆ ว่า มีการทำผิดกฎหมายต่อร่างของมิสเตอร์แจ็กสัน”
ฮาร์วีย์ กล่าวต่อว่า “ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังต้องรอก่อน นั่นคือ ต้องมีการตรวจหาสารพิษ ชันสูตร และศึกษาอื่นๆ อย่างละเอียด ซึ่งจากการตรวจสอบเหล่านี้ เราคาดหมายว่าจะต้องใช้เวลาราว 4-6 สัปดาห์ และเมื่อแล้วเสร็จ เราคาดหมายว่า จะสามารถปิดคดีและเปิดเผยสาเหตุของการตายขั้นสุดท้ายได้”
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สืบสวนคดีของ ไมเคิล แจ็กสัน ราชาเพลงป๊อปวัย 50 ปี ที่เสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจวาย เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นได้เตรียมสอบปากคำ ดร.คอนราด โรเบิร์ต เมอร์เรย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจ ที่เปิดเผยว่า อยู่กับไมเคิลที่บ้านพักของเขา และยังอยู่กับไมเคิลตอนที่หน่วยกู้ชีพมาถึงที่บ้านอีกด้วย
แหล่งข่าวของเจ้าหน้าที่ เผยว่า ดร.คอนราด คือ ผู้ฉีดยาแก้ปวดชนิด Demerol ที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีนให้กับไมเคิล ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของนักร้องดังผู้นี้
ก่อนหน้านี้ ทางตัว ดร.คอนราด ได้หายตัวไป ทิ้งเอาไว้เพียงรถยนต์ส่วนตัวที่จอดเอาไว้ข้างบ้านของไมเคิล แต่ล่าสุด ได้รับการยืนยันว่าเขายังอยู่ในลอสแองเจลิส และเตรียมเดินทางมาให้การกับเจ้าหน้าที่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น