เอเอฟพี - นูรี อัล-มาลิกี นายกรัฐมนตรีอิรักเมื่อวันพฤหัสบดี(25) ออกมารับประกันว่ากองกำลังความมั่นคงของประเทศสามารถปกป้องพลเรือนได้ ท่ามกลางการประท้วงของประชาชนต่อมาตรการความปลอดภัยของทางการตามหลังเหตุระเบิดรายวันจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากก่อนหน้าปฏิบัติการถอนทหารของสหรัฐฯ
มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในเหตุโจมตีด้วยระเบิดและอาวุธปืนระลอกใหม่ ขณะที่ทำเนียบขาวยืนกรานว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ จะไม่พิจารณาใหม่ต่อแผนถอนกำลังทหารออกจากอิรัก
เหตุโจมตีบริเวณตลาดที่อัดแน่นด้วยฝูงชน ในซาดร์ ซิตี้ ชุมชนแออัดของชาวชีอะห์ในกรุงแบกแดดเมื่อวันพุธ(24) นับเป็นหนึ่งในเหตุนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในปีนี้ และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกราว 150 คน เจ้าหน้าที่ระบุ
“เราขอรับรองกับคุณว่าทหารอิรักพร้อมสำหรับปฏิบัติการนี้ แม้ว่ามีการฝ่าฝืนความมั่นคงอยู่บ้าง แต่เราขอรับประกันว่าตอนนี้เรามีเสถียรภาพและมั่นคงมากขึ้น” มาลิกีกล่าว
เขายังวิงวอนชาวอิรักช่วยแจ้งเบาะแสความเป็นไปได้ที่อาจมีเหตุโจมตีมายังทหารและตำรวจ เพื่อความมั่นใจว่าประเทศจะไม่กลับคืนสู่ความรุนแรงจากความแตกแยกระหว่างนิกายที่ก่อความเสียหายอย่างใหญ่หลวงจากปี 2006 ตลอดจนปี 2007
อัล-มาลิกี กล่าวว่า เหตุโจมตีที่ปะทุขึ้นทั่วอิรักคือส่วนหนึ่งของแผนการที่มีเป้าหมายแบ่งแยกนิกาย ก่อความสับสัน ทำลายกระบวนการทางการเมืองและขัดขวางชาวอิรักที่จะได้ยืนด้วยเท้าของตนเอง
คำแถลงของมาลิกี มีขึ้นตามหลังชาวอิรักผู้โกรธแค้นหลายร้อยคนเมื่อวันพฤหัสบดี(25) ชุมนุมกันรอบตลาดแห่งหนึ่งในแบกแดดที่ถูกโจมตีด้วยระเบิดจนมีผู้เสียชีวิต 78 ราย โดยพวกเขาเรียกร้องขอมาตรการป้องกันที่ดีขึ้นจากรัฐบาลในช่วงที่ทหารสหรัฐฯถอนทัพ
เหตุระเบิดหลายระลอกก่อความสงสัยต่อความสามารถของทหารอิรักในการรับมือกับกลุ่มหัวรุนแรง หลังสหรัฐฯมีแผนถอนทหารในวันที่ 30 มิถุนายน ทั้งนี้ในวันพฤหัสบดี(25) ก็เกิดระเบิดอีกครั้ง คราวนี้มีตำรวจเสียชีวิต 5 นาย ส่วนอีกอย่างน้อย 2 รายเป็นพลเรือน
ชาวบ้านในซาดร์ ซิตี้ ชุมชนแออัดในแบกแดดที่เกิดระเบิด ในวันพฤหัสบดี(25)ได้ออกมารวมตัวกันด้วยคราบน้ำตาและต่างโอบกอดปลอมประโลมซึ่งกันและกัน ขณะที่จำนวนมากด่าสาปแช่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้พวกเขาได้เพียงพอ ในเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเพียง 4 วันหลังจากทหารสหรัฐฯส่งมอบคืนพื้นที่แก่กองกำลังอิรัก
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี(25) ก็เกิดเหตุโจมตีพลเมืองระลอกใหม่ในเมืองหลวงของอิรัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายและบาดเจ็บ 31 คน เมื่อเกิดระเบิด 2 ครั้งซ้อน ณ สถานีรถบัสแห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของแบกแดดในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
ปฏิบัติการดังกล่าวถือว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ในอิรักหนที่ 3 ในรอบเดือนนี้ และนั่นหมายความว่ายอดรวมผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงในเดือนมิถุนายน สูงกว่า 155 คนในเดือนพฤษภาคมไปแล้ว
เหตุรุนแรงในอิรักลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยในเดือนพฤษภาคมที่มีชาวอิรักเสียชีวิตน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปฏิบัติการรุกรานในปี 2003 แต่การโจมตียังมีขึ้นโดยทั่วไป โดยเฉพาะในแบกแดดและโมซุล ทางภาคเหนือของประเทศ
ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นูรี อัล-มาลิกี นายกรัฐมนตรีอิรัก เตือนว่ากลุ่มหัวรุนแรงและนักรบ ดูเหมือนจะเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีเข้มข้นขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ในความพยายามกัดเซาะความเชื่อมั่นต่อกองกำลังความมั่นคงของอิรัก