เอเอฟพี – 24 ชั่วโมงหลังเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดกับรถไฟใต้ดินใจกลางเมืองหลวงของสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สอบสวนกลางเชื่อ รถไฟทั้งสองขบวนกำลังแล่นด้วยระบบอัตโนมัติ แต่สาเหตุที่ประสานงากันนั้นยังเป็นปริศนา
พนักงานสอบสวนกล่าวว่า เบรกฉุกเฉินอยู่ในสภาพถูกกดไว้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคนขับรถไฟหญิง วัย 42 ปี ใช้ความพยายามที่จะหยุดรถแล้ว ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนกับรถไฟอีกขบวนจากด้านหลัง ในชั่วโมงเร่งด่วนของวันจันทร์ (22) ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
ด้าน เด็บบี เฮอร์แมน โฆษกคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติ หรือเอ็นทีเอสบี เผยว่า คนขับรถไฟ ซึ่งเป็น 1 ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 คน เพิ่งเข้ามาทำงานขับรถไฟใต้ดินสายเมโทรนี้ได้เพียง 3 เดือน
เธอกล่าวในการแถลงข่าวใกล้กับจุดเกิดเหตุว่า ทางเอ็นทีเอสบียังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เกี่ยวกับสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ โดยเสริมว่าเอ็นทีเอสบีร้องขอเข้าเช็กบันทึกการใช้โทรศัพท์ของคนขับรถไฟอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมเน้นว่านี่ไม่ใช่วิธีเดียวที่จะสืบค้น
เฮอร์แมนระบุว่า รถไฟที่เกิดเหตุเป็น 1 ในขบวนที่เก่าแก่ที่สุด จากจำนวนรถไฟทั้งหมดที่ให้บริการตั้งแต่เปิดระบบรถไฟใต้ดินในกรุงวอชิงตันเมื่อปี 1976
นอกจากนี้ เธอยังระบุว่า หลัดฐานเบื้องต้นในที่เกิดเหตุชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รถไฟกำลังแล่นด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นปกติในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
“สวิตช์เปิด-ปิดหน้าจอ และเครื่องควบคุม (ในห้องคนขับรถไฟ) ยืนยันกับเราว่า รถไฟอยู่ในโหมดอัตโนมัติเมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุ” เฮอร์แมนกล่าว โดยเสริมว่าพบเบรกฉุกเฉินอยู่ในตำแหน่งที่ถูกกดไว้
เอ็นทีเอสบีจะได้สิทธิ์ในการดูเครื่องบันทึกการเดินรถของรถไฟ ขบวนที่ถูกชน ซึ่งเธอคาดว่าจะเปิดเผยถึงสาเหตุที่รถไฟขบวน 112 ชนกับรถไฟขบวน 214 ซึ่งจอดอยู่บนรางเดียวกัน
ความกังวลในอุบัติเหตุครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่ระบบสัญญาณคอมพิวเตอร์ ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันรถไฟชันกัน และอายุของรถไฟขบวน 112 ซึ่งเป็น 1 ในรถไฟใต้ดินจำนวน 1,000 คันที่ถูกส่งมาในระหว่างปี 1975-1978