เอเอฟพี – กรุงเตหะรานยิ่งตึงเครียดหนักในวันนี้ (21) หลังเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมหลายพันคนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขัดขืนคำเตือนครั้งสุดท้ายของอะยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านให้ยุติการประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย บาดเจ็บอีก 100 กว่าคน
สถานีโทรทัศน์ทาการของอิหร่านรายงานว่า มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย ด้วยอาวุธปืน และระเบิด ในระหว่างเหตุจลาจลใจกลางเมืองเอนเกลับ และอาซอดี ซึ่งอยู่ใกล้กับกรุงเตหะราน ที่จบลงด้วยการปะทะกันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และอีกกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีรายงานถึงสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ประท้วงแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เผยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 คนเมื่อเสียงปืนดังขึ้น หลังการชุมนุมประท้วงในวันเสาร์ (20) ซึ่งไม่ต่างไปจากการชุมนุมคดค้านตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และห้ามให้สื่อต่างชาติรายงานข่าว
ขณะที่สื่อทางการรายงานว่า มือระเบิดพลีชีพ 1 รายได้เข้าโจมตีสุสานของผู้นำปฏิวัติอิหร่าน อะยาตอลเลาะห์ รูฮอลเลาะห์ โคไมนี อนุสาวรีย์สำคัญทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน ทำให้ตัวเองเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เป็นชาวต่างชาติ 2 คน
นอกจากนี้ สถานีโทรทัศน์ของทางการอิหร่านได้แพร่ภาพผู้ประท้วงทุบทำลายหน้าต่างธนาคารและเผารถโดยสาร พร้อมกับออกอากาศบทสัมภาษณ์ผู้ไม่เห็นด้วยกับการประท้วงที่ขอให้ชาวอิหร่านอยู่ในความสงบ เชื่อฟังผู้นำสูงสุด ไม่เช่นนั้นศัตรูจะดูอย่างชอบใจ
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมต้องเผชิญหน้ากับแก๊สน้ำตา และปืนน้ำที่เจ้าหน้าที่ใช้สลายการชุมนุม ในจัตุรัสเอนเกลลับ ใจกลางเมืองหลวง โดยผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังอย่างโหดร้ายกับผู้ชุมนุมทั้งหญิง และชาย
ในวันศุกร์ (19) ที่ผ่านมา คอเมนีกล่าวปราศรัยที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนมาห์มุด อะห์มาดิเนจัด ซึ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอิหร่านอีกสมัย และเรียกร้องให้ยุติการชุมนุมคัดค้านผลการเลือกตั้ง พร้อมทั้งเตือนนักการเมืองฝ่ายค้านให้รับผิดชอบต่อการนองเลือดครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น นอกเหนือไปจากผู้เสียชีวิต 7 คนที่มีรายการไปก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีร์ ฮอสเซน มูซอวี อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้ง และปลุกปั่นให้ผู้สนับสนุนเขาออกมาประท้วงผล กล่าวหาโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐว่าทำให้ระบบการเมือง ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อครั้งปฏิวัติอิสลาม ปี 1979 ผิดเพี้ยนไปด้วยการโกงการเลือกตั้งครั้งนี้
มูซอวียังยืนกรานให้ยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเขาพร้อมสละชีพ และไม่ได้ต่อต้านระบอบการปกครองและกฎหมายอิสลาม แต่ต่อต้านการโกหก และต้องการปฏิรูป หากทางการไม่อนุญาตให้จัดการชุมนุมอย่างสงบ ก็จะต้องรับผลที่ตามมา
ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ได้เตือนว่า โลกกำลังจับตามอง และขอให้รัฐบาลอิหร่านยุติความรุนแรง และการกระทำที่ไม่ชอบธรรมทั้งหมดต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ จากเหตุประท้วงในกรุงเตหะราน และเมืองอื่นๆ ที่มีผู้เสียชีวิตรายวัน
ในวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติล้มล้างระบอบกษัตริย์ ที่สนับสนุนตะวันตกในปี 1979 นั้น ผู้ปกครองอิหร่านได้ตำหนิชาติมหาอำนาจตะวันตกที่เข้ามาก้าวก่าย ทว่า ประเทศเหล่านั้นยืนกรานว่าพยายามป้องกันสิทธิมนุษยชนสากลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้ต้องการแทรกแซงกิจการภายในแต่อย่างใด